ภิกษุณี. หามิได้ เจ้าข้า.
น. นั่นเพราะอะไร.
ภิกษุณี. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เพราะประทีปน้ำมัน ที่กำลังติดไฟอยู่โน้น
มีนำมันก็ไม่เที่ยง แปรปรวนไปเป็นธรรมดา ไส้ก็ไม่เที่ยง แปรปรวนไปเป็น
ธรรมดา เปลวไฟก็ไม่เที่ยง แปรปรวนไปเป็นธรรมดา แสงสว่างของประทีป
นั้นก็ต้องไม่เที่ยง แปรปรวนไปเป็นธรรมดา เช่นกัน.
[๗๘๗] น. น้องหญิงทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล บุคคลใดพึง
กล่าวอย่างนี้ว่า อายตนะภายใน ๖ ของเรา ไม่เที่ยง แต่เราอาศัยอายตนะ
ภายในเสวยเวทนาใด เป็นสุขก็ตาม เป็นทุกข์ก็ตาม มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ตาม
เวทนานั้น เที่ยง ยั่งยืน เป็นไปติดต่อ ไม่มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
บุคคลผู้กล่าวนั้น ชื่อว่า กล่าวชอบหรือหนอแล.
ภิกษุณี. หามิได้ เจ้าข้า.
น. นั่นเพราะเหตุไร.
ภิกษุณี. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เพราะเวทนาที่เกิดแต่อายตนะภายในนั้น ๆ
อาศัยปัจจัยที่เกิดแต่อายตนะภายในนั้น ๆ แล้ว จึงเกิดขึ้นได้ เพราะปัจจัยที่เกิด
แต่อายตนะภายในนั้น ๆ ดับ เวทนาที่เกิดแต่อายตนะภายในนั้น ๆ จึงดับไป.
น. น้องหญิงทั้งหลายถูกละ ๆ พระอริยสาวกผู้เห็นเรื่องนี้ด้วยปัญญา
ชอบ ตามความเป็นจริง ย่อมมีความเห็นอย่างนี้แล.
[๗๘๘] น้องหญิงทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่
มีรากก็ไม่เที่ยง แปรปรวนไปเป็นธรรนดา ลำต้นก็ไม่เที่ยง แปรปรวนไปเป็น
ธรรมดา กิ่งและใบก็ไม่เที่ยง แปรปรวนไปเป็นธรรมดา เงาก็ไม่เที่ยง แปร
ปรวนไปเป็นธรรมดา น้องหญิงทั้งหลาย ผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่า นี้ไม้ใหญ่
มีแก่นตั้งอยู่โน้น มีรากก็ไม่เที่ยง แปรปรวนไปเป็นธรรมดา ลำนี้ก็ไม่เที่ยง