บทว่า น้อมเข้ามาในตน ได้แก่ น้อมกุศลธรรมเหล่านั้นเข้ามาในตน
หรือน้อมตนเข้าไปในกุศลธรรมเหล่านั้น.
บทว่า ความรู้ ได้แก่ วิชชา ๓.
บทว่า ความเห็น โดยอธิบายว่า อันใดเป็นความรู้ อันนั้นเป็น
ความเห็น อันใดเป็นความเห็น อันนั้น เป็นความรู้.
บทว่า กล่าวอวด คือ บอกแก่สตรี บุรุษ คฤหัสถ์หรือบรรพชิต.
คำว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนั้น ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ ความว่า ข้าพเจ้า
รู้ธรรมเหล่านี้ ข้าพเจ้าเห็นธรรมเหล่านั้น อนึ่ง ข้าพเจ้ามีธรรมเหล่านี้ และ
ข้าพเจ้าเห็นชัดในธรรมเหล่านี้.
[๒๓๔] บทว่า ครั้นสมัยอื่นแต่นั้น คือ เมื่อขณะคราวครู่หนึ่งที่
ภิกษุกล่าวอวดนั้นผ่านไปแล้ว.
บทว่า อันผู้ใดผู้หนึ่งถือเอาตาม คือ มีบุคคลเชื่อในสิ่งที่ภิกษุ
ปฏิญาณแล้ว โดยถามว่า ท่านบรรลุอะไร ได้บรรลุด้วยวิธีไร เมื่อไร ที่ไหน
ท่านละกิเลสเหล่าไหนได้ ท่านได้ธรรมหมวดไหน.
บทว่า ไม่ถือเอาตาม คือ ไม่มีใคร ๆ พูดถึง.
บทว่า ต้องอาบัติแล้ว ความว่า ภิกษุมีความอยากอันลามก อัน
ความอยากครอบงำแล้ว พูดอวดอุตริมนุสธรรม อันไม่มีอยู่ อันไม่เป็นจริง
ย่อมเป็นผู้ต้องอาบัติปาราชิก.
บทว่า มุ่งความหมดจด คือ ประสงค์จะเป็นคฤหัสถ์ หรือประสงค์
จะเป็นอุบายสก หรือประสงค์จะเป็นอารามิก หรือประสงค์จะเป็นสามเณร.
คำว่า แน่ะท่าน ข้าพเจ้าไม่รู้อย่างนั้น ได้กล่าวว่ารู้ ไม่เห็น
อย่างนั้น ได้กล่าวว่าเห็น ความว่า ข้าพเจ้าไม่รู้ธรรมเหล่านั้น ข้าพเจ้า