คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหติ ดังนี้ หมายถึงสัตว์นั้น.บทว่า อิธ ได้แก่ ในสัตว์โลก
นี้. บทว่า มาตา จ อุตุนี โหติ นี้ ตรัสหมายเอาเวลามีระดู. ได้ยินว่า ทารก
ย่อมเกิดแก่มาตุคามในโอกาสใด ในโอกาสนั้น เม็ดโลหิตใหญ่ตั้งอยู่แล้ว
แตกไหลไป เป็นวัตถุบริสุทธิ์ เมื่อวัตถุบริสุทธิ์ มารดาบิดาอยู่ร่วมกันครั้ง
เดียวมีเขตเจ็ดวันทีเดียว ในสมัยนั้น ทารกย่อมเกิดขึ้นได้ แม้ด้วยการลูบคลำ
อวัยวะ มีการจับมือ จับมวยผมเป็นต้น. บทว่า คนฺธพฺโพ ได้แก่ สัตว์ผู้เข้าถึง
ในที่นั้น. บทว่า ปจฺจุปฏฺฐิโต โหติ นี้ มีอธิบายว่า ชื่อว่า สัตว์ผู้จ้องดูการอยู่
ร่วมมารดาและบิดา ซึ่งยืนอยู่ในที่ใกล้ ย่อมไม่มี แต่ว่า สัตว์หนึ่ง ผู้อันกรรม
ซัดส่งไปแล้ว ซึ่งจะเกิดขึ้นในโอกาสนั้น มีอยู่ ดังนี้. บทว่า สํสเยน ความ
ว่า ด้วยการสงสัยในชีวิตอย่างใหญ่ อย่างนี้ว่า เราหรือว่าบุตรของเราจัก
ปราศจากโรคไหมหนอดังนี้.
บทว่า โลหิตญฺเหตํ ภิกฺขเว ความว่า ได้ยินว่า โลหิตของแม่ในครั้ง
นั้น ถึงพร้อมแล้วและถึงพร้อมแล้วซึ่งฐานะนั้น คือว่า ย่อมเป็นของขาวด้วย
ความสิเนหาในบุตร เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสอย่างนั้น.
บทว่า วงฺกํ ได้แก่ ไถเล็กของทารกในผู้เล่นอยู่. การเล่นประหารไม้สั้น
ด้วยไม้ยาว ท่านเรียกว่า ฆฏิกา. บทว่า โมกฺขจิกํ ได้แก่ การเล่นหมุนเวียน.
มีอธิบายว่า การเล่นจับท่อนไม้ในอากาศ หรือว่า เล่นเอาหัวตั้งที่พื้นดิน
แล้วพลิกไปมาข้างล่างข้างบน. จักรหมุนไปด้วยการกระทบลม ที่ทำด้วย
วัตถุทั้งหลายมีใบตาลเป็นต้น ท่านเรียกว่า ปิงคุลิกะ. ทะนานทำด้วยใบ
ไม้ ท่านเรียกว่า ปัตตาฬหกะ ได้แก่ การเล่นตวงวัตถุทั้งหลายมีทรายเป็น
ต้น ด้วยทะนานใบไม้นั้น. บทว่า รถกํ ได้แก่ รถเล็ก. แม้ธนู ก็ได้แก่ธนูเล็ก
นั่นแหละ. บทว่า สารชฺชติ ได้แก่ ย่อมยังราคะให้เกิดขึ้น. บทว่า พฺยาปชฺชติ
ได้แก่ ย่อมยังความพยาบาทให้เกิดขึ้น. บทว่า อนุปฏฺฐิตกายสติ ความ