ผู้นฤทุกข์ พระสมณะนั้น เป็นพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ศาสดาของพระองค์
หรือหนอ
ท้าวสักกะตรัสบอกว่า ดูก่อนเหล่าเทพธิดาผู้นฤทุกข์ พระสมณะ
นั้น ไม่ใช่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้พระศาสดาของเรา เป็นท่านพระมหาโมคคัล
ลานะผู้เป็นสพรหมจารีของเรา
พวกเทพธิดานั้นทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นฤทุกข์ เป็นลาภของพระองค์ๆ
ได้ดีแล้วที่ได้สมณะที่มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากอย่างนี้ เป็นสพรหมจารี
ของพระองค์ พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้พระศาสดาของพระองค์ คงมีฤทธิ์
มาก มีอานุภาพมากเป็นอัศจรรย์เป็นแน่.
[๔๓๙] ครั้งนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
เจ้า ถวายอภิวาทแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลว่า ข้า
แต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมทรงทราบว่า พระองค์เป็นผู้ตรัส
ความน้อมไปในธรรมเป็นที่สิ้นแห่งตัณหาโดยย่อ แก่เทพผู้มีศักดิ์มากผู้ใดผู้
หนึ่งบ้างหรือหนอ.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนโมคคัลลานะ เรารู้เฉพาะอยู่
จะเล่าให้ฟัง ท้าวสักกะจอมเทพเข้ามาหาเรา อภิวาทเราแล้ว ได้ไปยืน
อยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ถามเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
กล่าวโดยย่อ ด้วยข้อปฏิบัติเพียงไร ภิกษุชื่อว่าน้อมไปแล้วในธรรมเป็นที่
สิ้นแห่งตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วน มีความปลอดโปร่งจากกิเลสเป็นเครื่อง
ประกอบล่วงส่วน เป็นพรหมจารีล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประ-
เสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ดูก่อนโมคคัลลานะ เมื่อท้าวสักกะนั้น
ถามอย่างนี้แล้ว เราบอกว่า ดูก่อนจอมเทพ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ได้สดับ
ว่า ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น ถ้าข้อนั้นภิกษุได้สดับแล้ว ภิกษุนั้นย่อมทราบ