เถระถือท่อนหนังไป. บทว่า ปิฏฺฐิโต ปิฏฺฐิโต แปลว่า ข้างหลัง ๆ. บทว่า
สีสานุโลกิ ความว่า ภิกษุใดเดินไปเห็นหลังในที่ดอน เห็นศีรษะในที่ลุ่ม
ภิกษุนี้เรียกว่า มองเห็นศีรษะ คือ ภิกษุเป็นเช่นนั้นติดตามไป. ก็พระ
เถระแม้เดินไปใกล้ชิดเพราะมีเสียงฝีเท้าที่ย่างไปก็ไม่ลำบากเพราะเสียงเท้า
แต่ท่านรู้ว่า นี้ไม่ใช่เวลาที่จะแสดงความบันเทิงกัน จึงไม่ไปใกล้ชิด
ธรรมดาอันธวันเป็นป่าใหญ่ คนที่มองไม่เห็นคนที่นั่งอยู่ในที่แห่งหนึ่ง ต้อง
กระทำเสียงอันไม่ผาสุก (ตะโกน) ว่าผู้มีอายุ ปุณณะ ปุณณะ เพราะฉะนั้น
พระเถระ จึงอยู่ไม่ไกลนัก เพื่อจะรู้สถานที่ท่านนั่ง จึงเดินไปพอมองเห็น
ศีรษะ. บทว่า ทิวาวิหารํ นิสีทิ ได้แก่ นั่ง เพื่อประโยชน์แก่การพักกลางวัน.
ทั้ง ๒ ท่านนั้น ทั้งท่านปุณณะ ทั้งพระสารีบุตรเถระก็เป็นชาติแห่งอุทิจจ-
พราหมณ์ ทั้งพระปุณณะเถระ ทั้งพระสารีบุตรเถระ ก็มีวรรณะเหมือนทอง
ทั้งพระปุณณะเถระ ทั้งพระสารีบุตร ก็ถึงพร้อมด้วยสมาบัติ สัมปยุตด้วย
พระอรหัตตผล ทั้งพระปุณณะเถระ ก็ถึงพร้อมด้วยอภินิหารแสนกัปป์
ทั้งพระสารีบุตรเถระ. ก็ถึงพร้อมด้วยอภินิหารหนึ่งอสงไขย ยิ่งด้วยแสนกัปป์
ทั้งพระปุณณะเถระทั้งพระสารีบุตรเถระ ก็เป็นพระมหาขีณาสพผู้บรรลุ
ปฏิสัมภิทา. ดังนั้น จึงเป็นเหมือนราชสีห์สองตัวเข้าไปยังถ้ำทองถ้ำ
เดียวกัน เหมือนเสือโคร่งสองตัวลงสู่ที่สะบัดแข้ง สะบัดขาแห่งเดียวกัน เหมือน
พญาช้างฉัททันต์สองเชือกเข้าสู่สาลวันที่มีดอกบานดีแล้วแห่งเดียวกัน เหมือน
พญาสุบรรณสองตัวเข้าสู่ฉิมพลีวันแห่งเดียวกัน เหมือนท้าวเวสสวัณ สององค์
ประทับยานนรพาหนอันเดียวกัน เหมือนท้าวสักกะสององค์ ประทับร่วม
ปัณทุกัมพลแท่นเดียวกัน เหมือนท้าวหาริตมหาพรหมสององค์ ประทับอยู่
ภายในวิมานเดียวกัน พระมหาเถระนั้นเป็นชาติพราหมณ์ทั้งสองรูป มีวรรณะ
เหมือนทองทั้งสองรูป ได้สมาบัติทั้งสองรูป ถึงพร้อมด้วยอภินิหารทั้งสอง