อรูปพรหมมีรูป ไม่ใช่ไม่มีรูป เพียงแต่ไม่มีรูปเป็นอารมณ์ ไม่ใส่ใจในรูป
...[๓๒๑] ๗๕. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สุข ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ สุขที่มีรูปเป็นอารมณ์ ๑ สุขที่ไม่มีรูปเป็นอารมณ์ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สุข ๒ อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาสุข ๒ อย่างนี้ สุขที่ไม่มีรูปเป็นอารมณ์เป็นเลิศ
ถ้าไม่มีรูป ขันธ์จะดำรงอยู่ยังไง เพราะรูปเป็นที่ตั้งแห่งวิญญาณ ? พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า การมา การไป จุติ อุปบัติ เว้นจากรูปไม่มี (คือ จะเว้นจากขันธ์ 5 ไม่มี ไม่มีขันธ์ 1 ขันธ์ 2 ขันธ์ 3 ขันธ์ 4)
...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่า เราจักบัญญัติการมา การไป จุติ อุปบัติ หรือความเจริญงอกงามไพบูลย์แห่งวิญญาณ เว้นจากรูป เวทนา สัญญา สังขารข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าความกำหนัดในรูปธาตุ ในเวทนาธาตุ ในสัญญาธาตุ ในสังขารธาตุ ในวิญญาณธาตุเป็นอันภิกษุละได้แล้วไซร้ เพราะละความกำหนัดเสียได้ อารมณ์ย่อมขาดสูญ ที่ตั้งแห่งวิญญาณย่อมไม่มี วิญญาณอันไม่มีที่ตั้งไม่งอกงาม ไม่แต่งปฏิสนธิ หลุดพ้นไป เพราะหลุดพ้นไป จึงดำรงอยู่เพราะดำรงอยู่ จึงยินดีพร้อม เพราะยินดีพร้อม จึงไม่สะดุ้ง เมื่อไม่สะดุ้ง ย่อมดับรอบเฉพาะตนเท่านั้น ภิกษุนั้นย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
อรูปพรหมมีรูป เพียงแต่ไม่มีรูปเป็นอารมณ์ ไม่ใส่ใจในรูป ผู้ที่จะไม่มีรูป คือพระอรหันต์ที่อนุปาทิเสสนิพพาน ตายแล้วเผาไปแล้ว แม้แต่พระอรหันต์ที่สอุปาทิเสสนิพพาน ยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีรูปอยู่เลย เพียงแต่ไม่ยึดในรูปได้แบบสมุทเฉทประหาร รอแค่ขันธปรินิพพานเท่านั้น อรูปพรหมไม่มีรูปเป็นอารมณ์ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น จะไม่มีรูป เป็นไปไม่ได้