หาแต่สูตรที่เกี่ยวกับอามิสมาพูดเข้าข้างตนเอง แต่ไม่ยกสูตรที่ให้พึ่งธรรมเป็นหลักมาพูด (ผิดหลักการ)
ฉะนั้น เวลาพูดประเด็นเรื่องอามิส ควรยกเอาสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสให้พึ่งธรรมเป็นหลัก มาประกอบเข้าใส่ด้วย เพื่อไม่ให้เป็นการชี้ช่อง และกันคนหยาบในยุคขาเสื่อมลง ไม่ให้เข้าใจผิดถือวัตถุว่าเป็นสาระ เพราะพระศาสดาพาแสดงธรรมโดยการให้พึ่งธรรมเป็นหลัก เน้นธรรมเป็นหลัก เราก็ควรแสดงธรรมตามแบบที่พระศาสดาพาทำ ไม่ใช่ไปเน้นพูดเรื่องวัตถุเป็นหลัก
สังเกตุดูได้เลย เวลาพระหรือใครก็ตาม ที่มีแนวคิดนิยมวัตถุ ได้ประโยชน์จากวัตถุ เวลาเขาพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้ เขามักจะพูดเข้าข้างเขาเอง พูดชี้ช่องไปในแนววัตถุ และจะหายกเอาแต่สูตรที่เกี่ยวกับอามิสมาพูดเป็นหลัก แต่ไม่ยกสูตรที่ พระพุทธเจ้าให้พึ่งธรรมเป็นหลัก มาพูดเลย มันจึงไม่ถูกหลัก ไม่สอดคล้องกับแนวที่พระพุทธเจ้าสอน มันต้องชูเรื่องให้พึ่งธรรมเป็นหลัก ใครจะไปพูดชูวัตถุเป็นหลัก แต่คนที่พูดชูวัตถุเป็นหลักก็เพราะเขาพูดเข้าข้างเขาเอง สูตรที่ยกมาอ้างก็ไม่สอดคล้องกับกรณีของตนเอง เพราะบุคคลผู้มีความเห็นผิด ย่อมมีวาจาผิด และการอ้างสูตรของเขาก็ย่อมผิดด้วย
...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีอวิชชาไม่เห็นแจ้งย่อมมีความเห็นผิด ผู้มีความเห็นผิด ย่อมมีความดำริผิด ผู้มีความดำริผิดย่อมมีวาจาผิด ผู้มีวาจาผิด ย่อมมีการงานผิด ผู้มีการงานผิด ย่อมมีการเลี้ยงชีพผิด ผู้มีการเลี้ยงชีพผิด ย่อมมีความพยายามผิด ผู้มีความพยายามผิดย่อมมีความระลึกผิด ผู้มีความระลึกผิด ย่อมมีความตั้งใจผิด ผู้มีความตั้งใจผิด ย่อมมีความรู้ผิด ผู้มีความรู้ผิด ย่อมมีความหลุดพ้นผิด...