พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ภิกษุ จะเป็นผู้ทำสายสงฆ์ (ไม่ใช่ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร สามเณรี อุบาสก อุบาสิกา)
...ดูก่อนอุบาลี ภิกษุณีทำสายสงฆ์ไม่ได้แล สิกขมานา สามเณร สามเณรี อุบาสก อุบาสิกา ก็ทำลายสงฆ์ไม่ได้ ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้เป็นปกตัตตะ มีธรรมเครื่องอยู่ร่วมอันเสมอกัน อยู่ในสีมาเสมอกัน ย่อมทำสังฆเภทได้ เพราะฉะนั้น สังฆเภทจึงเป็นกรรมไม่ทั่วไป...
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ภิกษุผู้เถระจะเป็นหัวหน้าในความล่วงละเมิด ประชุมชนรุ่นหลังก็จักถือเอาภิกษุเหล่านั้นเป็นตัวอย่าง นั้นก็หมายความว่าภิกษุเป็นผู้พาเสื่อม เมื่อพาเสื่อมก็ย่อมเป็นผู้เสื่อมก่อน
...อีกประการหนึ่ง ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่อบรมปัญญา เมื่อไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิตไม่อบรมปัญญา ภิกษุผู้เถระก็จักเป็นผู้มักมาก มีความประพฤติย่อหย่อน เป็นหัวหน้าในความล่วงละเมิด ทอดธุระในความสงัด จักไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง ประชุมชนรุ่นหลังก็จักถือเอาภิกษุเหล่านั้นเป็นตัวอย่าง แม้ประชุมชนนั้นก็จักเป็นผู้มักมาก มีความประพฤติย่อหย่อน เป็นหัวหน้าในความล่วงละเมิด ทอดธุระในความสงัด จักไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง เพราะเหตุดังนี้แล การลบล้างวินัยย่อมมีเพราะการลบล้างธรรม การลบล้างธรรมย่อมมี เพราะการลบล้างวินัย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภัยในอนาคตข้อที่ ๕ นี้ ซึ่งยังไม่บังเกิดในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป ภัยข้อนี้อันเธอทั้งหลายพึงรู้ไว้เฉพาะ ครั้นแล้วพึงพยายามเพื่อละภัยนั้น