ผู้ฉลาดในการเผยแผ่ธรรมไม่ควรพูดชี้ช่องไปในแนวให้คนหลงกับวัตถุ
....ดังได้สดับมาว่า ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าเหล่านั้น สัตว์ทั้งหลายมีอายุยืนนาน ได้เป็นผู้มีธุลีคือกิเลสในปัญญาจักษุน้อยเบาบาง สัตว์เหล่านั้นพอได้สดับแม้พระคาถาเดียว ที่ประกอบด้วยสัจจะ ๔ ย่อมบรรลุธรรมได้ เพราะเหตุนั้น พระพุทธเจ้าเหล่านั้น จึงไม่ทรงแสดงธรรมโดยพิสดาร...
แต่กลายเป็นว่า หาแต่สูตรที่เกี่ยวกับอามิสมาอ้างแบบผิดๆ เพื่อมาเข้าข้างตนเอง ข้อเล็ก ๆ น้อย ๆ หามาหมดเพื่อมาเข้าข้างตนเอง แต่สูตรที่ให้พึ่งธรรมกลับไม่ยกมาเป็นหลัก อันนี้ผิดหลักการ ที่ถูกคือ เมื่อพูดเรื่องอามิส (ตามที่มีตรัสไว้) ก็ต้องยกเอาสูตรให้พึ่งธรรมเป็นหลักมาประกอบใส่ด้วย เพื่อกันไม่ให้คนหยาบในยุคขาลงนี้ หลงมุม ยึดวัตถุว่าเป็นสาระ
ฉะนั้น ถ้าเข้าใจเนื้อความพระศาสดา จะไม่พูดมากเรื่องอามิส จะพูดเท่าที่จำเป็น ส่วนผู้ที่หาพูดแต่เรื่องไปในแนว ให้คนหลงกับวัตถุ ชี้ช่องไปในแนวนั้น อันนี้ไม่ใช่แล้ว หรือ เน้นพูดแต่เรื่องธรรมขั้นสูง แต่เถียงให้ได้กราบรูปปั้นต่ำๆ เถียงหูดับตับไหม้เลย อันนี้ก็ไม่ใช่แล้ว หรือ พูดโฆษณาวัตถุว่ามีคุณอย่างนั้นอย่างนี้ และคนนั้นก็ขายด้วย อันนี้ก็ไม่ใช่แล้ว
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโดยให้ยึดธรรมเป็นหลัก ถ้าผู้ใดแสดงโดยการชี้ช่องไปในแนวให้ยึดวัตถุเป็นหลัก ก็ชื่อว่า ไม่แสดงไปแนวเดียวกับพระพุทธเจ้า