No Favorites

ดูฤกษ์… ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง… ทำโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนก็ผิด

ติรัจฉานวิชา คือ วิชาที่ปิดกั้นทางสวรรค์และนิพพาน ถ้ามันปิดกั้นทางสวรรค์และนิพพาน ในข้อนี้ ก็ไม่เกี่ยวว่า จะทำเพื่อหวังสิ่งตอบแทนหรือไม่ เพราะยังไงมันก็ปิดกั้นทางสวรรค์และนิพพาน

การดูฤกษ์... ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง...และ ชักชวนผู้คนให้เห็นผิดในข้อนี้ ไม่ใช่ธรรมเพื่อทางสวรรค์และนิพพานแน่นอน เพราะพระองค์ตรัสไว้ว่า

ผู้ใดไม่ถือมงคลตื่นข่าว ไม่ถืออุกกาบาตไม่ถือความฝัน ไม่ถือลักษณะดีหรือชั่ว ผู้นั้นชื่อว่าล่วงพ้นโทษแห่งการถือมงคลตื่นข่าวครอบงำกิเลสเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพที่เป็นคูกั้น ย่อมไม่กลับมาเกิดอีก

นอกจากนี้ ยังตรัสใน มหาศีล ว่าด้วยศีลที่เกี่ยวกับการเลี้ยงชีพของภิกษุ (อาชีวปาริสุทธิศีล)

ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ...

ในเรื่องห้ามเรียนติรัจฉานวิชา ก็ไม่ได้ระบุไว้ว่า ถ้าเป็นกรณีที่ไม่เรียนมาเพื่อหวังผลตอบแทน ทรงอนุญาตไว้ มีแต่ตรัสห้ามหมดเลย ไม่มีกรณีใดยกเว้น เมื่อไม่ยกเว้น การดูฤกษ์... ปลุกเสกเครื่องรางของขลังนั่น ทำโดยไม่หวังผลตอบแทนก็ไม่ได้ (เพราะแม้แต่เรียนยังไม่ได้เลย)

...สมัยต่อมา พระฉัพพัคคีย์เรียนติรัจฉานวิชา...ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า...ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเรียนติรัจฉานวิชา รูปใดเรียน ต้องอาบัติทุกกฏ...

มีอธิบายไว้ว่า สำหรับ วิชาป้องกันตัว มีชนิด เช่น วิชาป้องกันพวกยักษ์ และป้องกันพวกนาค (งู) เป็นต้น แม้ทุกอย่าง ย่อมสมควร ไม่เป็นอาบัติ

ดูเพิ่มเติม เรื่องการปรุงยา ที่มีรายละเอียดในการอนุญาต มีอธิบายว่าอนุญาตให้ใครบ้างแล้วทำยังไงจึงไม่เป็น เวชกรรม เพราะถ้าเป็นเวชกรรม ก็เป็นการเลี้ยงชีพผิด

ดูอเนสนา 21 อย่าง (เลี้ยงชีวิตด้วยการแสวงหาไม่ควร) เพิ่มเติม ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยการแสวงหาไม่สมควร จะไม่พ้นความเป็นยักษ์ ความเป็นเปรต จักเกิดเป็นโคเทียมแอก จะเกิดในนรก แม้แต่ การเชื้อเชิญผู้ให้ ยังถือว่าเป็นปฏิปทาที่ผิด เป็นการเลี้ยงชีวิตด้วยการแสวงหาปิณฑะตอบแทนปิณฑะ