กล่าวตู่ผู้ที่ไม่กราบรูปปั้นว่าสุดโต่งเป็นบาป ขอขมาได้เป็นการดี
บุคคลผู้ปุถุชน ไม่ถือวัตถุใดว่าเป็นสาระแทนพระรัตนตรัย เข้าถึงพระรัตนตรัยอย่างถูกต้องมีอยู่ บุคคลผู้เป็นโพธิสัตว์ ไม่ถือวัตถุใดว่าเป็นสาระแทนพระรัตนตรัย เข้าถึงพระรัตนตรัยอย่างถูกต้องมีอยู่ บุคคลผู้เป็นพระอริยะ ไม่ถือวัตถุใดว่าเป็นสาระแทนพระรัตนตรัย เข้าถึงพระรัตนตรัยอย่างถูกต้องมีอยู่ ในบุคคลเหล่านี้ เป็นผู้มีศีล มีสมาธิ มีปัญญากว้างขวางก็มีอยู่ ฉะนั้น การที่ไปกล่าวตู่ว่า สุดโต่ง มันก็หมายรวมไปหมด ขอขมาได้เป็นการดี
...ได้ยินว่า วันหนึ่ง ท่านวัสสการพราหมณ์นั้นเห็นพระมหากัจจายนเถระ ลงจากเขาคิชฌกูฏ จึงกล่าวว่านั่นเหมือนลิง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้สดับคำนั้นแล้วตรัสว่าเขาขอขมาโทษเสียข้อนั้นเป็นการดี ถ้าไม่ขอขมาโทษเขาจักเป็นลิงหางโคในพระเวฬุวันนี้๑ วัสสการพราหมณ์นั้นฟังพระดำรัสนั้นแล้ว คิดว่า ธรรมดาพระดำรัสของพระสมณโคดมไม่เป็นสอง ภายหลังเมื่อเวลาเราเป็นลิง จักได้มีที่เที่ยวหากิน จึงปลูกต้นไม้นานาชนิดในพระเวฬุวัน แล้วให้การอารักขา กาลต่อมา วัสสการพราหมณ์ถึงอสัญญกรรมแล้วเกิดเป็นลิง
- แม้แต่ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ก็หมายถึงผู้ถึงสรณะอย่างถูกต้องเป็นต้นไป ให้ทานแก่บุคคลเหล่านี้ ผลทักษิณาจะนับไม่ได้ แล้วถ้าไปกล่าวตู่ก็ให้คิดเอาเอง ว่าผลบาปจะเป็นอย่างไร
- พระโกกาลิกะตำหนิพระอัครสาวก ว่ามีความปรารถนาลามก พระพุทธองค์ทรงห้ามถึง 3 ครั้ง ก็ไม่ฟังครั้นกลับไปแล้ว ก็ป่วยมีตุ่มขึ้นเต็มตัว ตายไปตกปทุมนรก
- พูดผิด ทำผิด ไม่อยากแก้ไข ไม่ใช่มีแต่มานะเท่านั้น แต่มันเป็นการหวังชื่อเสียง หวังลาภสักการะด้วย แล้วถ้าผู้ใดไม่แก้ไข ก็หมายความว่า ไม่ทำตามคำของพระศาสดา และ เอาแต่มุ่งสอนคนอื่น แต่ไม่สอนตนเอง