ไปด้วยยานต้องอาบัติทุกกฏ หมายรวมเอายานพาหนะที่เป็นเครื่องยนต์ในปัจจุบันนี้ด้วย
- ภิกษุไม่อาพาธไปด้วยยานต้องอาบัติทุกกฏ ยานในที่นี้หมายรวมเอา ยานสัตว์ เกวียน เปลหาม ยานที่ใช้มือลาก ... รวมถึงยานที่เป็นเครื่องยนต์ในปัจจุบันนี้ด้วย เพราะความหมายของพระวินัยข้อนี้ คือ ยาน ไม่ใช่ ตัวสัตว์ จะโดยสารไปก็ไม่ได้ จะขับเองก็ไม่ได้ จะรับก็ไม่ได้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆอาการ และพระพุทธเจ้าก็ทรงห้ามรับยานพาหนะทุกประเภท
- แต่ถ้าไปด้วยกิจของโยม ที่จำเป็นและสมควร มีเรื่องให้เทียบเคียงอยู่ว่าได้ (แต่โยมต้องจัดการเองหมดทุกอย่าง) เรื่องที่พระพุทธเจ้า พร้อมด้วยหมู่ภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ ไปบิณฑบาตที่หมู่บ้านพ่อค้าในแคว้นสุนาปรันตะ ระยะทางไกลประมาณสามร้อยโยชน์ ตามความประสงค์ของขาวบ้าน ท้าวสักกะให้พระวิศวกรรมเนรมิตเรือนยอด ๕๐๐ หลัง เป็นยานพาไป อันนี้ก็เป็นการไปด้วยยาน ดังนั้น ก็พอจะพิจารณาได้ว่า ถ้าเป็นกรณีที่โยมนิมนต์ไป พระเป็นผู้โดยสารไปด้วยกิจนั้น อันนี้ได้ แต่ถ้าพระไม่ได้ไปด้วยกิจนิมนต์ของโยม (ไปด้วยกิจของสงฆ์ หรือ ไปตามอัธยาศัย อยากไปไหนก็ไป) ต้องอาบัติทุกกฏ พระที่ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แม้ไปด้วยกิจของพระ ก็ไปด้วยยานไม่ได้ เว้นแต่อาพาธ
- พระพุทธเจ้าให้สงฆ์ถอนสิกขาบทเล็กน้อยได้ แต่ถ้าไม่ถอนยังไงก็ต้องคาอาบัติ ประเด็นจึงอยู่ที่ตรงนี้ ไม่ใช่อยู่ที่ลักษณะของยานว่า แต่ก่อนยานเป็นแบบไหนปัจจุบันนี้ยานเป็นแบบไหน เพราะเมื่อพระวินัยยังมีอยู่ ถ้าไม่ยกออกก็ต้องได้ถือตาม ไม่ถือไม่ได้