เห็นรูปปั้นว่าเป็นพระพุทธเจ้า เรียกว่า “ไม่พิจารณาไตร่ตรองแล้ว เกิดเลื่อมใสในฐานะอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส”
- ทำความเลื่อมใสในธาตุเจดีย์ และ ปริโภคเจดีย์ ไม่ผิด เมื่อได้เห็นก็ไม่ประมาท เพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้อยู่
- เอาแต่พึ่งเจดีย์เหล่านี้ ไม่พึ่งธรรมเป็นหลัก ผิด เพราะพระพุทธเจ้าให้พึ่งธรรมเป็นหลัก
- ทำความเลื่อมใสในรูปปั้นว่าเป็นพระพุทธเจ้าหรือเป็นพระพุทธรูป ผิด เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสไว้ มีแต่ห้าม ฉะนั้น จึงเป็นการ "ไม่พิจารณาไตร่ตรองแล้วเกิดเลื่อมใสในฐานะอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส" ทรงตรัสว่าเป็น "อสัตบุรุษผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม" เพราะไม่ฉลาดในคำสอน สำคัญในสิ่งที่ไม่ควรว่าควร จิตที่ประกอบด้วยโมหะย่อมเป็นอกุศล โง่เป็นบาป ปัญญาจึงเป็นบุญ
- เห็นพระพุทธเจ้าเป็นรูปปั้น ผิด เพราะพุทธะ เป็นนาม ไม่ใช่วัตถุ
- เห็นพระพุทธรูปว่าเป็นรูปปั้น ผิด เพราะพระพุทธรูป คือ ร่างกายพระพุทธเจ้า ส่วนรูปปั้นเป็นประติมากรรม วัตถุภายนอกที่ไม่มีใจ ไม่ใช่ร่างกายพระพุทธเจ้า
- เห็นต้นโพธิ์ว่าเป็นรูปปั้น เลยยกต้นโพธิ์มาอ้างเทียบใส่รูปปั้น ผิด เพราะต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าใช้สอยเป็นปริโภคเจดีย์ ส่วนรูปปั้นไม่ได้ใช้สอย และขัดกับที่ทรงห้ามไว้ในเอกปุคคล
- เห็นพระธาตุว่าเป็นรูปปั้น เลยยกพระธาตุมาเทียบใส่รูปปั้น ผิด เพราะพระธาตุเป็นส่วนหนึ่งในขันธ์ 5 ของพระพุทธเจ้า ส่วนรูปปั้นเป็นวัตถุภายนอก ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไร
- เห็นสถูปใส่กระดูกพระอรหันต์ว่าเป็นรูปปั้น เลยยกสถูปมาอ้างเทียบใส่รูปปั้น เพราะเป็นสิ่งก่อสร้างเหมือนกัน ก็เลยคิด (เอาเอง) ว่าเหมือนกัน ผิด เพราะสถูปคือสิ่งที่บรรจุพระธาตุ มีอนุญาตให้สร้างไว้ในถูปารหบุคคล แต่การสร้างรูปเปรียบมีห้ามในเอกปุคคล
- เข้าใจว่าอุทเทสิกเจดีย์ คือการสร้างรูปปั้น ผิด เพราะการสร้างรูปเปรียบมีห้ามในเอกปุคคล สร้างขึ้นเป็นกล่าวตู่ทันที เมื่อตู่ย่อมเป็นบาป เมื่อเป็นบาป อุทเทสิกเจดีย์จะเป็นการทำบาป เป็นไปไม่ได้
[๓๘๐] ๑๓๔. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสัตบุรุษผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ ย่อมบริหารคนให้ถูกกำจัด ให้ถูกทำลาย เขาย่อมเป็นไปกับด้วยโทษ ถูกผู้รู้ติเตียน ทั้งได้ประสบบาปเป็นอันมากอีกด้วย ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน คือ ไม่พิจารณาไตร่ตรองแล้ว เกิดเลื่อมใสในฐานะอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส ๑ ไม่พิจารณาไตร่ตรองแล้ว เกิดไม่เลื่อมใสในฐานะอันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลา อสัตบุรุษผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการนี้แล ย่อมบริหารคนให้ถูกกำจัด ถูกทำลาย เขาย่อมเป็นไปกับด้วยโทษ ถูกผู้รู้ติเตียน ทั้งได้ประสบบาปเป็นอันมากอีกด้วย...