No Favorites

ศีลยังไงก็คือศีล ไม่ใช่พระพุทธเจ้าบัญญัติขึ้นก่อนถึงจะเรียกว่าศีล

ในธธรรมชาตินี้ ศีลยังไงก็คือศีล ไม่ใช่พระพุทธเจ้าบัญญัติขึ้นก่อนถึงจะเรียกว่าศีล เพราะพระพุทธเจ้าองค์ที่ไม่บัญญัติวินัยก็มี เช่น พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามวิปัสสี พระนามสิขี และพระนามเวสสภู เพราะทรงท้อพระหฤทัย แล้วทีนี้ การที่ไม่บัญญัตินั้นไม่เรียกว่าศีล เพียงเพราะไม่บัญญัติหรือ?

...ภ. ดูก่อนสารีบุตร พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามวิปัสสี พระนามสิขีและพระนามเวสสภู ทรงท้อพระหฤทัยเพื่อจะทรงแสดงธรรมโดยพิสดารแก่สาวกทั้งหลาย อนึ่ง สุตตะเคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งสามพระองค์นั้นมีน้อย สิขาบทก็มิได้ทรงบัญญัติ ปาฏิโมกข์ก็มิได้ทรงแสดงแก่สาวก...

คนทำผิดศีลมีก่อนบัญญัติ เช่น อาบัติปาราชิก คนทำผิดศีลข้อนี้ก่อน แล้วพระองค์ก็บัญญัติ สมมุติว่าไม่บัญญัติ สมมุติว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ไม่บัญญัติวินัย จะไม่เรียกว่านี้คือศีล เพียงเพราะไม่บัญญัติหรือ?

เรื่อง ภิกษุเสพเมถุนกับลิงตัวเมียเป็นกรณีประกอบเพิ่มเติม มีภิกษุรูปหนึ่งเสพเมถุนกับลิงตัวเมีย โต้แย้งภิกษุรูปอื่นว่า "พระบัญญัตินั้นเฉพาะหญิงมนุษย์ไม่เกี่ยวถึงสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย" แต่สุดท้าย พระพุทธเจ้าก็บัญญัติว่าเป็นปาราชิกแม้กับสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย (เพราะว่านี้คือศีล ถ้าไม่ใช่ศีล ก็ไม่บัญญัติ เพราะไม่ผิดศีล)

...ทันใด ภิกษุเหล่านั้นได้กล่าวกะภิกษุนั้นว่า อาวุโส พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติสกขาบทไว้แล้วมิใช่หรือ เหตุไร คุณจึงได้เสพเมถุนธรรมในลิงตัวเมียนี้เล่า จริงขอรับ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้ว ภิกษุนั้นสารภาพแล้วค้านว่า แต่พระบัญญัตินั้นเฉพาะหญิงมนุษย์ไม่เกี่ยวถึงสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย อาวุโส พระบัญญัตินั้น ย่อมเป็นเหมือนกั้นทั้งนั้นมิใช่หรือ การกระทำของคุณนั่นไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ไม่ควรทำ ...

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า แม้ไม่บัญญัติขึ้นก่อน ศีลยังไงก็คือศีล ที่จริง การทำผิดศีลมีมาแต่ไหนแล้ว เช่น ถ้านับเอา เฉพาะต้นกัปเป็นต้นมา สัตว์โลกลักข้าวสาลีกัน อทินนาทาน... มุสาวาท ... มีมาแต่โน่นแล้ว มีก่อนพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นด้วยช้ำ

...[๖๒] ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ ครั้งนั้นแล สัตว์บางตนมีความโลเล รักษาส่วนของตนไว้ ถือเอาส่วนอื่นที่เขาไม่ได้ให้บริโภค...

...ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ ในเพราะเรื่องนั้นเป็นสำคัญแล อทินนาทานจึงปรากฏ การครหาจึงปรากฏ มุสาวาทปรากฏ การจับท่อนไม้จึงปรากฏ...

เพียงแต่ว่า ถ้าบัญญัติขึ้นแล้ว ตนเองก็ได้สมาทานแล้ว แต่ยังขืนทำ อันนี้เรียกว่า "ละเมิด" แต่ถ้าไม่ได้บัญญัติไว้ แต่ไปทำ ไม่เรียกว่าละเมิด แต่ผิดศีลแน่นอน โดยปกติ อาจิณ ถ้าสิ่งนั้นเป็นศีล ดังที่พระองค์ตรัสไว้ในมหาประเทศ 4 ที่ว่า "สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควร หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้น ไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย"

...๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควร หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้น ไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย ...

บุคคลผู้ไม่มีศีลนั้นมี 2 อย่าง คือ ไม่มีศีลโดยปกติ เป็นอาจิณ กับบุคคลที่ได้สมาทานว่าจักรักษาศีลแล้วละเมิด อันทีสองมีโทษแรงกว่า

...ด้วยบทว่า ทุสฺสีโล ตรัสถึงบุคคลผู้ไม่มีศีล ก็บุคคลผู้ไม่มีศีลนั้นมี ๒ อย่าง คือ เพราะไม่สมาทาน หรือทำลายศีลที่สมาทานแล้ว ใน ๒ อย่างนั้น ข้อต้นไม่มีโทษ เหมือนอย่างข้อที่ ๒ ที่มีโทษแรงกว่า...

ศีลยังไงก็คือศีล ไม่ใช่พระพุทธเจ้าบัญญัติขึ้นก่อนถึงจะเรียกว่าศีล

...จริงอยู่ ศีลนั้น เมื่อพระพุทธเจ้า อุบัติขึ้นแล้วก็ตาม ยังมิได้อุบัติขึ้นก็ตาม เป็นไปอยู่ในโลก เมื่อพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ดี พระสาวกทั้งหลายก็ดี ย่อมชักชวนมหาชนให้สมาทานในศีลนั้น. เมื่อพระพุทธเจ้า ยังมิได้อุบัติขึ้น พระปัจเจกพุทธเจ้า สมณพรหมณ์พวกกรรมวาทีประพฤติชอบธรรม พระเจ้าจักรพรรดิมหาราช และพระมหาโพธิสัตว์ ย่อมชักชวนมหาชนให้สมาทาน (ในศีลนั้น) พวกสมณพราหมณ์ผู้เป็นบัณฑิตก็สมาทาน (ศีลนั้น) แม้ด้วยตนเอง สมณพราหมณ์เป็นต้นเหล่านั้น ครั้นบำเพ็ญกุศลธรรมนั้นให้บริบูรณ์แล้ว ย่อมเสวยสมบัติในหมู่ทวยเทพและในหมู่มนุษย์...

กระทู้เกี่ยวข้อง :  #ธรรมและวินัยจะแยกออกจากกันไม่ได้ ธรรมก็เป็นอกาลิโก วินัยก็เป็นอกาลิโก