No Favorites

พระรัตนตรัยไม่ใช่วัตถุ

ด้านล่างนี้ ตรัสถึงความต่างระหว่าง "วัตถุ" กับ "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์" ไว้อย่างชัดเจน โดยตรัสว่า ใครเอาวัตถุมาเป็นที่พึ่ง ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ได้ ส่วนใครเอา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งย่อมพ้นจากทุกข์ไปได้ ก็หมายความว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ใช่วัตถุนั้นเอง

...พระศาสดาตรัสว่า "อัคคิทัต บุคคลถึงวัตถุทั้งหลายมีภูเขาเป็นต้นนั่นว่าเป็นที่พึ่งแล้ว ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ได้เลย ส่วนบุคคลถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่ง ย่อมพ้นจากทุกข์ในวัฏฏะทั้งสิ้นได้"...

...มนุษย์เป็นอันมาก ถูกภัยคุกคามแล้ว ย่อมถึงภูเขา ป่า อาราม และรุกขเจดีย์ว่าเป็นที่พึ่ง สรณะนั่นแลไม่เกษม สรณะนั่นไม่อุดม เพราะบุคคลอาศัยสรณะนั่น ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ส่วนบุคคลใดถึง พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ว่าเป็นที่พึ่ง ย่อมเห็นอริยสัจ ๔ (คือ) ทุกข์เหตุให้เกิดทุกข์ ความก้าวล่วงทุกข์ และมรรคมีองค์ ๘ อันประเสริฐ ซึ่งยังสัตว์ให้ถึงความสงบแห่งทุกข์ ด้วยปัญญาชอบ สรณะนั่นแลของบุคคลนั้นเกษม สรณะนั่นอุดม เพราะบุคคลอาศัยสรณะนั่น ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้...

คำว่า "วัตถุ" มีความหมายชัดเจนอยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปไหน ๆ ที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ จะอยู่ในโลกนี้หรือโลกอื่นและจะอยู่ในอากาศ มีรัศมีรุ่งเรืองก็ตาม หมายถึงรูปทั้งหมดเลย ไม่ใช่สรณะ แต่เป็นบ่วงแห่งมาร

...รูปใด ๆ จะอยู่ในโลกนี้หรือโลกอื่นและจะอยู่ในอากาศ มีรัศมีรุ่งเรืองก็ตามที่รูปทั้งหมดเหล่านั้น อันมารสรรเสริญแล้ววางดักสัตว์ไว้แล้ว เหมือนเขาใส่เหยื่อล่อเพื่อฆ่าปลา ฉะนั้น

...[๑๖๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รูปที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก อาศัยความใคร่ ชวนให้กำหนัด มีอยู่ หากภิกษุเพลิดเพลินสรรเสริญ หมกมุ่น พัวพันรูปนั้น ภิกษุนี้เรากล่าวว่าไปสู่ที่อยู่ของมาร ตกอยู่ในอำนาจของมาร ถูกมารคล้อง รัด มัดด้วยบ่วงภิกษุนั้นพึงถูกมารผู้มีบาปใช้บ่วงทำได้ตามปรารถนา ฯลฯ...

แต่บางคนก็ยกเอาเรื่องที่พูดถีงการบูชาพระธาตุเจดีย์ มาอ้างอิงว่า พระธาตุ (ที่เป็นวัตถุ) เป็นสรณะ แต่ที่จริงไม่ใช่เลย การบูชานั้นเป็นเพียงองค์ประกอบที่เกิดโลกียะกุศลเท่านั้น สิ่งไหนที่ทำแล้วได้บุญก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สิ่งไหนที่เป็นสรณะก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังอรรถกถาด้านล้างนี้อธิบายไว้

......ถามว่า ก็เพราะเหตุไร พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสรรเสริญวิบาก ที่แม้พระพุทธญาณก็กำหนดไม่ได้ของการบูชา ที่บุคคลถือเพียงดอกฝ้ายดอกเดียวระลึกถึงพระพุทธคุณบูชาแล้วไว้ในที่อื่น ในที่นี้กลับทรงคัดค้านการบูชาใหญ่อย่างนี้ ตอบว่า เพราะเพื่อจะทรงอนุเคราะห์บริษัทอย่างหนึ่ง เพื่อประสงค์จะให้พระศาสนาดำรงยั่งยืนอย่างหนึ่ง จริงอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่พึงคัดค้านอย่างนั้นไซร้ ต่อไปในอนาคต พุทธบริษัทก็ไม่ต้องบำเพ็ญศีลในฐานะที่ศีลมาถึง จักไม่ให้สมาธิบริบูรณ์ในฐานะที่สมาธิมาถึง ไม่ให้ถือห้องคือวิปัสสนาในฐานะที่วิปัสสนามาถึง ชักชวนแล้วชักชวนอีก ซึ่งอุปัฏฐากกระทำการบูชาอย่างเดียวอยู่ จริงอยู่ชื่อว่าอามิสบูชานั้น ไม่สามารถจะดำรงพระศาสนาแม้ในวันหนึ่งบ้าง แม้ชั่วดื่มข้าวยาคูครั้งหนึ่งบ้าง จริงอยู่ วิหารพันแห่งเช่นมหาวิหาร เจดีย์พันเจดีย์ เช่น มหาเจดีย์ ก็ดำรงพระศาสนาไว้ไม่ได้ บุญูผู้ใด ทำไว้ก็เป็นของผู้นั้นผู้เดียว ส่วนสัมมาปฏิบัติ ชื่อว่าเป็นบูชาที่สมควรแก่พระตถาคต เป็นความจริงปฏิบัติบูชานั้นชื่อว่าดำรงอยู่แล้ว สามารถดำรงพระศาสนาไว้ได้ด้วย...

มันเป็นไปไม่ได้หรอก บุคคลที่เอาแต่ ถือดอกไม้ บูชา พระธาตุ จะเป็นผู้พ้นจากความทุกข์ไปได้ ถึงแม้จะเป็นโลกียะกุศลก็ตาม คุณจะไม่ประมาทในเรื่องอื่นเลยหรือ ? ยิ่งแล้วถ้าคุณไปบูชาสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระธาตุ มันยิ่งไม่ไกลเข้าไปใหญ่หรือ ?

ความรู้ที่คนรู้จักบูชาพระธาตุ ความรู้นั้น ก็มาจากพระธรรมทั้งนั้น เขารู้จักทำสิ่งนั้นก็เพราะอาศัยพระธรรม เขารู้จักอ้างอิงการทำสิ่งนั้นก็เพราะอาศัยพระธรรม เขารู้จักพูดสิ่งนั้นก็เพราะอาศัยพระธรรม แล้วพระธรรมก็คือสรณะ แต่กลับไปมองว่า วัตถุ เป็น สรณะ ...งง

คำที่พระองค์ตรัสว่า "จงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นสรณะ อย่ามีสิ่งอื่นเป็นสรณะเลย" ชัดเจนมาก ยังจะไปหมายความว่า ให้เอาวัตถุเป็นที่พึ่งอีกหรือ ?

...อานนท์ เธอทั้งหลายจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นสรณะอยู่เถิด อย่ามีสิ่งอื่นเป็นสรณะ จงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นสรณะ อย่ามีสิ่งอื่นเป็นสรณะเลย

พระพุทธเจ้าจะทรงอุบัติ หรือ ยังไม่อุบัติก็ตาม (แม้มีตัวพระพุทธเจ้า หรือ ไม่มี) พุทธะก็ยังมีอยู่ สัจจธรรมก็ยังมีอยู่ พระพุทธเจ้าตรัสรู้บรรลุธรรมนั้น ครั้นตรัสรู้แล้ว ก็เอามาบอก ...

...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปฏิจจสมุปบาท เป็นไฉน ? เพราะชาติเป็นปัจจัยจึงมีชรามรณะ พระตถาคตทรงอุบัติก็ตาม ยังไม่ทรงอุบัติก็ตาม ธาตุนั้นเป็นธรรมฐิติ - ยังตั้งอยู่โดยธรรมดา เป็นธรรมนิยาม - ความแน่นอนอยู่โดยธรรมดา เป็นอิทัป-ปัจจยตา - ความอาศัยกันเกิดขึ้นยังคงมีอยู่ พระตถาคตตรัสรู้บรรลุธรรมนั้น ครั้นตรัสรู้แล้ว บรรลุแล้ว ทรงบอก ทรงแสดง ทรงบัญญัติ ทรงตั้งทรงเปิดเผย ทรงจำแนก ทรงทำให้ง่าย ตรัสว่าพวกเธอจงเห็น ดังนี้...

กระทู้เกี่ยวข้อง :  #บุคคลที่จะถือพระรัตนตรัยได้ “อย่างถูกต้อง” ไม่ใช่เรื่องง่ายและมีปริมาณน้อยด้วย  #สอนโลกุตระธรรมแต่เถียงให้ได้กราบวัตถุต่ำๆ (งง)  #ธรรมและวินัยจะแยกออกจากกันไม่ได้ ธรรมก็เป็นอกาลิโก วินัยก็เป็นอกาลิโก  #ทรัพย์และรัตนะเสมอด้วยพระตถาคตไม่มี ที่พึ่งของแท้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะซื้อขายไม่ได้ ต่างจากวัตถุรูปปั้นที่ซื้อขายได้