No Favorites

ตัวบ่งชี้ความเป็นอุปสัมบันดูจากตรงไหน ?

ดูจาก 2 ประการหลัก คือ :

(1) ก่อนบวชเข้าเงื่อนไขหรือไม่ : บวชก็ไม่เป็นอันบวช เช่น อภัพบุคคล 11 จำพวก ไม่เหมือนกับบุคคล 32 จำพวก ที่ห้ามบวช แต่บวชแล้วเป็นอันบวช

(2) หลังบวชเข้าเงื่อนไขหรือไม่ : เช่น ต้องอาบัติปาราชิก พระที่ต้องอาบัติปาราชิก จะเปลี่ยนจาก อุปสัมบัน มาเป็น อนุปสัมบันทันที ไม่เกี่ยวว่าจะสึกหรือไม่ ไม่เกี่ยวว่าจะยังห่มจีวรอยู่หรือไม่ ไม่มีการคั่นระหว่าง ว่ายังเป็นอุปสัมบันอยู่ เพียงเพราะยังไม่ได้สละการห่มจีวร ทำไมพระที่ต้องปาราชิกแล้ว จะไม่ต้องอาบัติข้ออื่นอีก ? ก็เพราะเป็นอนุปสัมบันแล้ว อนุปสัมบันจะไม่ต้องอาบัติเหมือนอุปสัมบัน การล่วงละเมิดอาบัติปาราชิกของภิกษุ จัดเป็นความวิบัติแห่งการปฏิบัติ สงเคราะห์เข้าในอันตรธานแห่งการปฏิบัติ หรือบวชเป็นอุปสัมบันถูกต้องแล้ว แต่ไปเข้ารีดเดียรถีย์ดเหล่านี้เป็นต้น ดู อภัพบุคคล 11 จำพวก

นอกจากนี้ ยังมี "การตาย" ก็จะทำให้สิ้นสุดความเป็นอุปสัมบันด้วย

อ้างอิงจากอันตรธานมี ๕ อย่าง ...

...อันตรธานมี ๕ ย่างคืออธิคมอันตรธาน อันตรธานเห่งการบรรลุ ๑ ปฏิปัตติอันตรธานอันตรธานแห่งการปฏิบัติ ๑ ปริยัตติอันตรธาน อันตรธานแห่งปริยัติ ๑ ลิงคอันตรธาน อันตรธานแห่งเพศ ๑ ธาตุอันตรธาน อันตรธานแห่งธาตุ ๑...

ความเป็นอุปสัมบันจะยังคงมีอยู่ตราบใดที่ภิกษุยังรักษาอาบัติปาราชิกได้ แต่เมื่อใดภิกษุรักษาอาบัติปาราชิกไม่ได้ เมื่อนั้น อุปสัมบัน จะอันตรธานไป เรียกว่า อันตรธานแห่งการปฏิบัติ

...เมื่อภิกษุ ๑๐๐ รูปบ้าง ๑๐๐๐ รูปบ้าง ผู้รักษาอาบัติปาราชิก ยังทรงชีพอยู่ การปฏิบัติชื่อว่ายังไม่อันตรธาน จะอันตรธานไป เพราะภิกษุรูปสุดท้ายทำลายศีล หรือสิ้นชีวิต ดังกล่าวมานี้ ชื่อว่า อันตรายแห่งการปฏิบัติ

เมื่อความเป็นอุปสัมบันอันตรธานไป ใครจะยังห่มผ้ากาสายะให้เป็นสัญลักษณ์อยู่ก็ตาม ไม่เรียกว่าเป็น อุปสัมบัน การอันตรธานแห่งการปฏิบัติไม่เกี่ยวกับอันตรธานแห่งเพศ เพศในที่นี้หมายถึง การบ่งบอกความมีของสัญลักษณ์เท่านั้น ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ความเป็นอุปสัมบันแต่อย่างใด สัญลักษณ์เพศจะหายไปถ้าไม่มีใครสืบสัญลักษณ์นี้ ดังที่กล่าวไว้ว่า "การห่มผ้าขาวเที่ยวไปเป็นจารีตของคนเหล่านั้น มาแต่ครั้งพระกัสสปทศพล ดังว่านี้ ชื่อว่า การอันตรธานไปแห่งเพศ" ดังนั้น สัญลักษณ์เพศ ไม่เกี่ยวกับความเป็น อุปสัมบัน ความเป็นอุปสัมบันจะไม่มี เมื่ออันตรธานแห่งการปฏิบัติ อุปสัมบันจะกลายเป็น อนุปสัมบันทันทีเมื่อมีความวิบัติแห่งการปฏิบัติ นั้นก็คือปาราชิก

กระทู้เกี่ยวข้อง :  #ภิกษุผู้มีผ้ากาสายะพันคอ ผูกเข้าที่มือ ขอดไว้ที่ผม ที่หู จัดเป็นอนุปสัมบัน ไม่ใช่ อุปสัมบัน  #บัณเฑาะก์และพระที่ต้องปาราชิกแม้จะห่มผ้ากาสาวะอยู่ จัดเป็นอนุปสัมบัน ไม่ใช่อุปสัมบัน และลักเพศด้วย  #หาสังวาสมิได้ ความเป็นผู้มีสิกขาขาดแล้ว พระปาราชิกไม่ใช่อุปสัมบัน  #พระพุทธเจ้าเป็นผู้รับรองเองทั้งนั้นว่าพระที่ต้องปาราชิกเป็นอนุปสัมบัน ไม่ใช่อุปสัมบัน  #ในพระไตรปิฎก คำว่า “ไม่ใช่สมณะ” มีอยู่ 2 ความหมาย (พระปาราชิกจัดเป็นอนุปสัมบัน)  #คำสมมุติเรียกเพศ 2 อย่าง (พระที่ต้องปาราชิกไม่มีอุปสัมบันเพศ)