คำสมมุติเรียกเพศ 2 อย่าง (พระที่ต้องปาราชิกไม่มีอุปสัมบันเพศ)
เหตุที่ทำให้ขาดจากอุปสัมบันเพศ เช่น อาบัติปาราชิก ผู้ใดต้องปาราชิกแล้ว ผู้นั้นจะไม่เป็นอุปสัมบัน อุปสัมบันเพศจะหายไปพร้อมกับความเป็นอุปสัมบัน แต่ถ้าผู้นั้นไม่ทำตนให้แจ้ง ยังห่มจีวรอยู่ เรียกว่า ลักเพศ (ลักอุปสัมบันเพศ) เพราะความเป็นอุปสัมบันของผู้นั้น ไม่ได้มี
2) สัญลักษณ์เพศ : ใช้เรียกความมีของสัญลักษณ์ เช่น ผู้ที่ต้องปาราชิกแล้ว แต่ยังยึดในการห่มผ้ากาสายะให้เป็นสัญลักษณ์อยู่ สัญลักษณ์เพศจะหายไปถ้าไม่มีการสืบสัญลักษณ์ ดังที่กล่าวไว้ว่า "การห่มผ้าขาวเที่ยวไปเป็นจารีตของคนเหล่านั้น มาแต่ครั้งพระกัสสปทศพล ดังว่านี้ ชื่อว่า การอันตรธานไปแห่งเพศ" เพศที่กล่าวไว้ใน อันตรธานมี ๕ อย่าง คือ สัญลักษณ์เพศ ไม่ใช่ อุปสัมบันเพศ
สัญลักษณ์เพศไม่ใช่ตัวบ่งชี้ความเป็นอุปสัมบัน เพียงแต่บ่งบอกความมีของสัญลักษณ์เท่านั้น อุปสัมบันเพศต่างหากจึงจะเป็นตัวบ่งชี้ความเป็นอุปสัมบัน แต่อุปสัมบันเพศจะหายไปเมื่อผู้นั้นต้องปาราชิก ดังนั้น ผู้ใดต้องปาราชิกแล้ว แม้ยังห่มจีวรอยู่ ก็มีแต่สัญลักษณ์เพศ ไม่มีอุปสัมบันเพศ จึงไม่เรียกว่าเป็นอุปสัมบัน
- ผู้ที่ต้องปาราชิกแล้ว แม้ยังห่มจีวรอยู่ = (อนุปสัมบัน + สัญลักษณ์เพศ)