No Favorites

มีแต่ให้โกนผมและหนวด ไม่มีว่าให้โกนคิ้ว บวชให้ผู้ประทุษร้ายบริษัทเพราะมีรูปแปลกต้องอาบัติทุกกฏ

ในพระไตรปิฎก มีแต่กล่าวไว้ว่า โกนผมและหนวดนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ พระพุทธเจ้าตรัสให้ผู้ที่จะบวชให้โกนผมและหนวด ไม่มีตรัสว่าให้โกนคิ้ว (พระโพธิสัตว์ออกบวชก็ไม่ได้โกนคิ้ว และ สาวกก็ไม่ได้โกน)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุพึงให้กุลบุตรบวชอย่างนี้:- ชั้นต้น พึงให้โกนผมและหนวด แล้วให้ครองผ้าย้อมฝาค

พระโพธิสัตว์ตอนออกบวช ก็ไม่ได้โกนคิ้ว

ทรงตัดกังวลในการสั่งสม ทรงปลงพระเกศาและพระมัสสุ ทรงครองผ้ากาสายะเสด็จออกผนวช

และในพระสูตรนี้ก็ไม่ได้ตรัสว่าให้โกนคิ้ว

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงตัดหนวด ไม่พึงปล่อยหนวดไว้ให้ยาว ไม่พึงไว้เครา ไม่พึงแต่งหนวดเป็นสี่เหลี่ยม ไม่พึงขมวดกลุ่มขนหน้าอก ไม่พึงไว้กลุ่มขนท้อง ไม่พึงไว้หนวดเป็นเขี้ยวโง้ง ไม่พึงโกนขนในที่แคบ รูปใดโกน ต้องอาบัติทุกกฎ

ผู้ไม่มีขนคิ้ว จัดเป็นผู้ประทุษร้ายบริษัท เพราะมีรูปแปลก บรรพชาให้ ต้องอาบัติทุกกฏ

. . .ไม่พึงบรรพชาคนมีโรคเรื้อรัง. . .ไม่พึงบรรพชาคนมีรูปร่างไม่สมประกอบ . . .ไม่พึงบรรพชาคนตาบอดข้างเดียว . . .ไม่พึงบรรพชาคนง่อย . . .ไม่พึงบรรพชาคนกระจอก. . .ไม่พึงบรรพชาคนเป็นโรคอัมพาต . . .ไม่พึงบรรพชาคนมีอิริยาบถขาด . . .ไม่พึงบรรพชาคนชราทุพพลภาพ . . .ไม่พึงบรรพชาคนตาบอดสองข้าง . . . ไม่พึงบรรพชาคนใบ้. . .ไม่พึงบรรพชาคนหูหนวก. . .ไม่พึงบรรพชาคนทั้งบอดและใบ้. . .ไม่พึงบรรพชาคนทั้งบอดและหนวก. . . ไม่พึงบรรพชาคนทั้งใบ้และหนวก. . .ไม่พึงบรรพชาคนทั้งบอดใบ้และหนวก รูปใดบรรพชาให้ ต้องอาบัติทุกกฏ

...ผู้ใดย่อมประทุษร้ายบริษัท เพราะความที่คนมีรูปแปลก ผู้นั้น ชื่อปริสทูสกะ...[ตัดมาถึงท่อนนี้]... มีขนคิ้วเนื่องเป็นอันเดียวกับผมบนศีรษะ คือมาตามพร้อมด้วยหน้าผากดังหุ้มด้วยร่างแหบ้าง, มีคิ้วติดกันบ้าง, ไม่มีขนคิ้วบ้าง...

พระพุทธเจ้าทรงห้ามบรรพชา ของชนเหล่าใด แม้อุปสมบทของชนเหล่านั้น ก็ทรงห้ามด้วย ถ้าสงฆ์ให้ผู้ประทุษร้ายบริษัทบวช ก็เป็นอันบวชด้วยดี แต่ อุปัชฌาย์ อาจารย์ และการกสงฆ์ ไม่พ้นอาบัติ

ก็บรรพชาของชนเหล่าใด อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้าม แม้อุปสมบท ของชนเหล่านั้น ก็เป็นอันทรงห้ามด้วย แต่ถ้าสงฆ์ให้คนประทุษร้ายบริษัทเหล่านั้นอุปสมบท คนมีอวัยวะบกพร่องแม้ทั้งหมด มีคนมือขาดเป็นต้น ก็เป็นอันอุปสมบทด้วยดี แต่การกสงฆ์และอาจารย์กับอุปัชฌาย์ ไม่พ้นอาบัติ

จากข้อมูลในข้างต้น พระศาสดาและพระสาวกก็ไม่ได้โกนคิ้ว ทั้งยังเป็นการเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร ในมหาประเทศ 4 จึงไม่ควรโกนคิ้ว

[๙๒] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายเกิดความรังเกียจในพระบัญญัติบางสิ่งบางอย่างว่า สิ่งใดหนอ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้ สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาต จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระมีพระภาคเจ้าวัตถุเป็นกัปปิยะและอกัปปิยะพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสประทานสำหรับอ้าง ๘ ข้อ ดังต่อไปนี้

๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควร หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้น ไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย

๒. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควรหากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย

๓. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า สิ่งนี้ควรหากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย

๔. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า สิ่งนี้ควรหากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย