มีแต่ให้โกนผมและหนวด ไม่มีว่าให้โกนคิ้ว บวชให้ผู้ประทุษร้ายบริษัทเพราะมีรูปแปลกต้องอาบัติทุกกฏ
พระโพธิสัตว์ตอนออกบวช ก็ไม่ได้โกนคิ้ว
และในพระสูตรนี้ก็ไม่ได้ตรัสว่าให้โกนคิ้ว
ผู้ไม่มีขนคิ้ว จัดเป็นผู้ประทุษร้ายบริษัท เพราะมีรูปแปลก บรรพชาให้ ต้องอาบัติทุกกฏ
. . .ไม่พึงบรรพชาคนมีโรคเรื้อรัง. . .ไม่พึงบรรพชาคนมีรูปร่างไม่สมประกอบ . . .ไม่พึงบรรพชาคนตาบอดข้างเดียว . . .ไม่พึงบรรพชาคนง่อย . . .ไม่พึงบรรพชาคนกระจอก. . .ไม่พึงบรรพชาคนเป็นโรคอัมพาต . . .ไม่พึงบรรพชาคนมีอิริยาบถขาด . . .ไม่พึงบรรพชาคนชราทุพพลภาพ . . .ไม่พึงบรรพชาคนตาบอดสองข้าง . . . ไม่พึงบรรพชาคนใบ้. . .ไม่พึงบรรพชาคนหูหนวก. . .ไม่พึงบรรพชาคนทั้งบอดและใบ้. . .ไม่พึงบรรพชาคนทั้งบอดและหนวก. . . ไม่พึงบรรพชาคนทั้งใบ้และหนวก. . .ไม่พึงบรรพชาคนทั้งบอดใบ้และหนวก รูปใดบรรพชาให้ ต้องอาบัติทุกกฏ
พระพุทธเจ้าทรงห้ามบรรพชา ของชนเหล่าใด แม้อุปสมบทของชนเหล่านั้น ก็ทรงห้ามด้วย ถ้าสงฆ์ให้ผู้ประทุษร้ายบริษัทบวช ก็เป็นอันบวชด้วยดี แต่ อุปัชฌาย์ อาจารย์ และการกสงฆ์ ไม่พ้นอาบัติ
จากข้อมูลในข้างต้น พระศาสดาและพระสาวกก็ไม่ได้โกนคิ้ว ทั้งยังเป็นการเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร ในมหาประเทศ 4 จึงไม่ควรโกนคิ้ว
[๙๒] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายเกิดความรังเกียจในพระบัญญัติบางสิ่งบางอย่างว่า สิ่งใดหนอ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้ สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาต จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระมีพระภาคเจ้าวัตถุเป็นกัปปิยะและอกัปปิยะพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสประทานสำหรับอ้าง ๘ ข้อ ดังต่อไปนี้
๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควร หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้น ไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย
๒. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควรหากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย
๓. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า สิ่งนี้ควรหากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย
๔. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า สิ่งนี้ควรหากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย