ท้าวสักกะหรือพระอินทร์ไม่ได้มาดีดพิณให้พระสิทธัตถะโพธิสัตว์ฟัง
...ก็ในกาลนั้น เราได้เป็นพราหมณ์ชื่อ โชติปาละ ได้กล่าวกะพระกัสสปสุคตเจ้าว่า การตรัสรู้ของสมณะโล้นจักมีนาแต่ไหน การตรัสรู้เป็นของได้ยากยิ่ง เพราะวิบากของกรรมนั้น เราจึงต้องทำทุกรกิริยามากมายอยู่ที่ตำบลอุรุเวลาถึง ๖ ปี จากนั้น จึงได้บรรลุพระโพธิญาณ เราไม่ได้บรรลุพระโพธิญาณอันสูงสุดโดยหนทางนั้น เราถูกกรรมเก่าห้ามไว้ จึงได้แสวงหาโดยทางผิด...
และตอนที่พระพุทธเจ้า ตรัสถึง พระวิปัสสีโพธิสัตว์ก่อนตรัสรู้นั้น (ที่เป็นเรื่องธรรมดาของพระโพธิสัตว์ที่จะมาตรัสรู้) ก็ไม่ได้พูดถึงว่า พระวิปัสสีโพธิสัตว์ได้มีการทำทุกรกิริยา และ มีท้าวสักกะมาดีดพิณแต่อย่างใด
สำหรับพระสิทธัตถะโพธิสัตว์นั้น มีเรื่องการทำทุกรกิริยา เพราะเศษวิบากกรรมเก่า แต่ก็ไม่มีเรื่องท้าวสักกะมาดีดพิณ ดังที่ปรากฏในท่อนล่างนี้ ครั้งนั้น พระองค์นึกถึงเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เคยนั่งสมาธิบรรลุปฐมฌานอยู่ที่ร่มไม้หว้า แล้วคิดต่อไปว่านี้คือทางเพื่อตรัสรู้ จึงกลับมาบริโภคอาหาร...ประเด็นมีอยู่เพียงเท่านี้
เรื่อง พิณ 3 สาย พระองค์ตรัสกับพระโสณะ เพราะเมื่อครั้งอยู่ครองเรือน พระโสณะเคยเป็นผู้ฉลาดในการดีดพิณ จึงทำอุปมาข้อนี้
แล้วถ้าเป็นเรื่องที่ไม่จริง แต่ก็ไปวาดภาพให้คนเข้าใจผิด ก็เป็นการกล่าวตู่พระโพธิสัตว์และท้าวสักกะ เป็นบาปนะสิ นอกจากนี้ สิ่งก่อสร้างทั้งหมดในวัด พระพุทธเจ้าก็ไม่อนุญาตให้มี รูปมนุษย์ อมนุษย์ สัตว์