No Favorites

พระที่ต้องปาราชิกแล้วแม้จะยังห่มผ้ากาสายะอยู่ จะไม่ต้องอาบัติอีกเลย เพราะกลายเป็นอนุปสัมบันแล้ว

ต้องอาบัติปาราชิก, ลาสิกขา, เข้ารีดเดียรถีย์ และ ตาย ล้วนแต่อยู่ในหมวดเดียวกันหมดเลย คือ บ่งชี้ว่าเป็น อนุปสัมบัน

...ก็ศีลของปุถุชนย่อมขาดด้วยเหตุ ๕ ประการ คือ ต้องอาบัติปาราชิก ลาสิกขา เข้ารีดเดียรถีย์ บรรลุพระอรหัต ตาย...

  • ต้องอาบัติปาราชิก กลายมาเป็นอนุปสัมบันทันที (มีโทษ) สอดคล้องกับพระบัญญัตินี้
  • เข้ารีดเดียรถีย์ กลายมาเป็นอนุปสัมบันทันที (มีโทษ ) สอดคล้องกับพระบัญญัตินี้
  • ส่วนลาสิกขา และ ตาย ก็กลายมาเป็นอนุปสัมบันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ไม่มีโทษเหมือนข้อข้างต้นนี้

ฉะนั้น พระที่ต้องปาราชิกแล้วแม้จะยังห่มผ้ากาสายะอยู่ จะไม่ต้องอาบัติอีกเลย เพราะกลายมาเป็นอนุปสัมบันแล้ว (อนุปสัมบัน + สัญลักษณ์เพศ ) อนุปสัมบันจะไม่ต้องอาบัติ และปาราชิกก็ต้องได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไปกระทำอีกก็ไม่นับ นับเอาครั้งแรกเท่านั้น

ฉะนั้น หลักการที่ว่า พระที่ต้องปาราชิกแล้วแต่ยังยึดในเพศอยู่ ก็ยังเป็นอุปสัมบัน ตามที่บางอรรถกถากล่าวนั้น จึงไม่สอดคล้อง ไม่งั้นก็จะต้องปาราชิกอยู่นั้น ต้องแล้วต้องอีก แต่ผู้ที่ต้องปาราชิกครั้งที่สอง ไม่มี

กระทู้เกี่ยวข้อง :  #รวมกระทู้เกี่ยวกับประเด็นพระปาราชิกไม่ใช่อุปสัมบัน