ไม่เรียนบาลี ไม่รู้เนื้อความภาษิตของพระพุทธเจ้าจริงหรือ ?
...[๖๗๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอรณวิภังค์นั้น การปรักปรำภาษาชนบทและการล่วงเลยคำพูดสามัญ นี้เป็นธรรมมีทุกข์ มีความคับใจ มีความแค้นใจ มีความเร่าร้อน เป็นความปฏิบัติผิด เพราะฉะนั้น ธรรมนี้จึงยังมีกิเลสต้องรณรงค์ แต่การไม่ปรักปรำภาษาชนบท และการไม่ล่วงเลยคำพูดสามัญ นี้เป็นธรรมไม่มีทุกข์ ไม่มีความคับใจ ไม่มีความแค้นใจ ไม่มีความเร่าร้อน เป็นความปฏิบัติชอบ เพราะฉะนั้น ธรรมนี้จึงไม่มีกิเลสต้องรณรงค์...
...เสียงแสดงธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นไปในขณะเดียวกัน เป็นเสียงที่สัตว์ทั้งหลายผู้ต่างภาษากัน รับฟังได้พร้อมกันตามภาษาของตน ย่อมเป็นไปเพื่อให้เข้าใจความหมายได้...
และก็เป็นจริงอย่างนั้น เพราะเมื่อไม่รู้ความหมาย จะพิจารณาเนื้อความไม่ได้ ฉะนั้น การที่ไปสวดโดยไม่รู้เรื่องและไม่ได้ทำตามที่สวด ท่านตรัสไว้ว่า เป็นผู้ปฏิบัติผิด เป็นโมฆบุรุษ ห่างไกลไปจากธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ไม่รู้เนื้อความภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า
แต่จะเข้าใจความหมายมันก็ต้องเรียนบาลีไม่ใช่หรือ ก็ใช่ แต่ประเด็นมันมีฉะบับแปลแล้ว และก็ไม่ได้หมายความว่า ฉะบับแปลจะแปลผิดไปหมดจนไม่รู้เรื่องอะไร สามารถเป็นเครื่องมือในการศึกษาได้ ถ้าจุดไหนไม่กระจ่างแจ้งก็เอาไปตรวจสอบในบาลีได้ บางคนรู้ภาษาอังกฤษเอาไปเทียบเวอร์ชั่นอังกฤษก็ได้ ประเด็นมันคือเข้าใจความหมาย และพระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่าแสนกัปเป็นอย่างต่ำ นั้นก็หมายความว่า ที่จริงแล้ว หลักสูตรการเรียนธรรม มันต้องแสนกัปเป็นอย่างต่ำ มันไม่ใช่มายึดเอาหลักสูตรที่คนกำหนดขึ้นเองในชาติปัจจุบันนี้มาเป็นตัวชี้วัด จบ ป.ธ.9 รับเงินทอง ทำผิดวินัย ติดโซเชียลมีเดียอยู่ ไม่ได้
พูดแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่า ปฏิเสธการเรียนบาลี ใครเก่งบาลี แล้วทำตามคำสอนได้ด้วย ยิ่งเป็นการดีเลย อนุโมทนาด้วย เพียงแต่ว่า ถ้าเก่งแค่ภาษาเฉย ๆ แต่ไม่เข้าใจเนื้อความ ไม่ได้ทำตามคำสอน มันไม่ได้ และก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่รู้บาลีจะไม่รู้เนื้อความ เช่น ผู้ที่ไม่ได้เก่งบาลีอะไร เช่น เป็นขอทานยากจน แต่เขาได้ยิน ได้รู้ว่า พระพุทธเจ้าบอกให้ยอมรับแก้ไขเมื่อทำผิด แล้วเขาก็แก้ไขเลย ต่างจากผู้ที่เก่งบาลี แม้เป็นพระยศใหญ่ แต่ทำผิดก็ไม่ยอมรับแก้ไข โดยคุณในเรื่องนี้ต่างกันมากเลย สู้ขอทานไม่ได้