พระพุทธเจ้าบัญญัติสิกขาบทให้สาวก ไม่ได้บัญญัติให้พระองค์เอง (พระพุทธเจ้าไม่จำเป็นต้องโล้นเหมือนสาวกเพราะเหตุเพียงเท่านี้)
...ลำดับนั้น เดียรถีย์ทั้งหลายกล่าวกันว่า ข่าวว่าพระสมณโคดมบัญญัติสิกขาบทแก่สาวกทั้งหลาย สาวกเหล่านั้นย่อมไม่ล่วงละเมิดสิกขาบทที่บัญญัติไว้นั้น แม้เพราะเหตุแห่งชีวิต พวกเราจักทำอิทธิปาฏิหาริย์ จึงพากันเป็นหมวดหมู่ทำความโกลาหลอยู่ในที่นั้น ๆ ครั้งนั้น พระเจ้าพิมพิสารได้ทรงสดับดังนั้น จึงเสด็จไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงไหว้แล้วประทับนั่ง ณ ส่วนสุดข้างหนึ่ง กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกเดียรถีย์บ่าวร้องว่า จักทำอิทธิปาฏิหาริย์ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า มหาบพิตร แม้อาตมภาพก็จักทำ พระราชาตรัสถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวกทั้งหลายไว้แล้วมิใช่หรือ พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า มหาบพิตร อาตมภาพจักถามเฉพาะพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงตั้งสินไหมสำหรับผู้กินผลมะม่วงเป็นต้นในอุทยานของพระองค์ว่า สินไหมมีประมาณเท่านี้ แม้สำหรับพระองค์ก็ทรงตั้งรวมเข้าด้วยหรือ พระราชาทูลว่า ไม่มีสินไหมสำหรับข้าพระองค์ พระเจ้าข้าพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า อย่างนั้น มหาบพิตร สิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้ว ย่อมไม่มีสำหรับอาตมภาพ
แต่ก็มีการยกเอาข้อที่ว่า พระพุทธเจ้าต้องโล้นเหมือนสาวก เพราะพระพุทธเจ้าต้องเป็นแบบอย่าง มาอ้างอิง ซึ่งเป็นการตีความหมายที่ตื้นไป เพราะเหตุเพียงเท่านี้