แจกซองเรี่ยไรเงิน…ผิด (ไม่เว้นพระอรหันต์)
ก็โดยสมัยนั้นแล พวกภิกษุวัชชีบุตรชาวเมืองไพศาลี ใส่น้ำให้เต็มถาดทองสัมฤทธิ์แล้วตั้งไว้ในท่ามกลางสงฆ์ในวันอุโบสถนั้นกล่าวแนะนำอุบาสกอุบาสิกาชาวเมืองไพศาลี ผู้มาแล้ว ๆ อย่างนี้ว่าผู้มีอายุ ! ท่านทั้งหลายจงถวายรูปิยะแก่สงฆ์ กหาปณะหนึ่งก็ได้ กึ่งกหาปณะก็ได้ บาทหนึ่งก็ได้ มาสกหนึ่งก็ได้ กิจของสงฆ์ที่ต้องทำด้วยบริขาร จักมีดังนี้ คำทั้งปวงควรเล่าจนถึงคำว่า ก็วินัยสังคีตินี้ ได้มีภิกษุ ๗๐๐ รูปไม่หย่อนไม่เกิน เพราะฉะนั้น วินัยสังคีตินี้ท่านจึงเรียกว่า สัตตสติกา ก็ภิกษุล้านสองแสนรูป ซึ่งท่านพระยสกากัณฑกบุตร ชักชวนได้ประชุมกันในสันนิบาตนี้ วัตถุ ๑๐ ประการเหล่านั้น ท่านพระเรวตะเป็นผู้ถามพระสัพพกามีเถระ เป็นผู้วิสัชนาพระวินัย วินิจฉัยเสร็จในท่ามกลางภิกษุเหล่านั้น อธิกรณ์เป็นอันระงับเสร็จแล้ว...
ไม่ควรทำตาม ด้วยเข้าใจว่า นี้พระอุปัชฌาย์ของเราเคยประพฤติมา นี้พระอาจารย์ของเราเคยประพฤติมา ที่ไม่ถูกต้อง
แม้แต่เป็นพระอรหันต์แล้วก็ตาม ถ้าศึกษามาน้อย ก็ย่อมทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นบาปมาก เพราะปฏิบัติผิดต่อพระ อย่าลืมว่า สัตว์ทั้งหลายคบกันด้วยธาตุ คบกันด้วยขันธ์ เราคบกับขันธ์ของพระอรหันต์ได้ แต่ไม่สามารถคบกับความเป็นพระอรหันต์ของท่านได้ ดังนั้น ถ้าขันธ์ของพระอรหันต์ทำผิด แม้จะไม่มีกรรมส่งผลต่อพระอรหันต์ในชาติต่อไปเพราะหลุดพ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นได้บาปมาก ถ้าปฏิบัติผิด
พระขีณาสพที่ฟังมาน้อย ย่อมไม่ต้องอาบัติที่เป็นโลกวัชชะ ก็จริงอยู่ แต่เพราะไม่ฉลาดในพุทธบัญญัติ ก็ย่อมจะต้องอาบัติในกายทวาร ประเภททำวิหาร ทำกุฏิ ( คลาดเคลื่อนไปจากพุทธบัญญัติ ) อยู่ร่วมเรือน นอนร่วมกัน ( กับอนุปสัมบัน เป็นต้น ) ย่อมต้องอาบัติในวจีทวารประเภทชักสื่อ กล่าวธรรมโดยบท พูดเกินกว่า ๕-๖ คำ บอกอาบัติที่เป็นจริง ( เป็นต้น ) ย่อมต้องอาบัติเพราะรับเงินรับทอง ในทางมโนทวารด้วยอำนาจยินดีเงินทองที่เขาเก็บไว้เพื่อตน