No Favorites

เมื่อมีผู้กล่าวว่า เจ้าชายสิทธัตถะทิ้งลูกเมียออกบวช

ผู้มีปัญญาย่อมรู้สิ่งที่ทิ้งว่าทิ้ง ย่อมรู้สิ่งที่ไม่ทิ้งว่าไม่ทิ้ง เครื่องจองจำ เครื่องผูกคือบุตรและภรรยา คือกิเลส อันบุคคลตัดได้โดยยาก แต่พระพุทธเจ้าตัดได้แล้ว ทิ้งได้แล้ว นี้คือความหมายของคำว่าทิ้ง

เปล่งอุทานขึ้นว่า " เครื่องผูกคือบุตรและภรรยา เครื่องผูก คือกิเลส อันบุคคลตัดได้โดยยาก ชื่อแม้เห็นปานนั้น เราตัดได้แล้ว" พระศาสดาทรงแสดงเครื่องจองจำ ๒ อย่างพระศาสดา ครั้นทรงนำอดีตนิทานนี้มาแล้ว เมื่อจะทรงประกาศอุทานที่พระโพธิสัตว์นั้นเปล่งแล้ว ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า :- " เครื่องจองจำใด เกิดแต่เหล็ก เกิดแต่ไม้ และ เกิดแต่หญ้าปล้อง ผู้มีปัญญาทั้งหลาย หากล่าวเครื่องจองจำนั้น ว่าเป็นของมั่นคงไม่ ความกำหนัดใด ของชนทั้งหลายผู้กำหนัด ยินดียิ่งนัก ในแก้วมณี และตุ้มหูทั้งหลาย และความเยื่อใยในบุตร๑ แลในภรรยาทั้งหลายใด นักปราชญ์ทั้งหลาย กล่าวความกำหนัดและความเยื่อใยนั่นว่า เป็นเครื่องจองจำอันมั่นคง มีปกติเหนี่ยวลง อันหย่อน (แต่) เปลื้องได้โดยยาก นักปราชญ์ทั้งหลาย ตัดเครื่องผูกแม้นั่นแล้ว เป็นผู้ไม่มีไยดี ละกามสุขแล้วบวช.๒ "

การที่พระพุทธเจ้าเอาไปนิพพานหมดเลย ทรงนำไปโดยธรรม นี้ไม่เรียกว่าทิ้ง นำไปโดยธรรมแล้วจะเรียกว่าทิ้งอีกก็ได้ เพราะนิพพานก็คือทิ้งหมด

พวกเธอจงกล่าวโต้ตอบต่อชนเหล่านั้น ด้วยคาถาม ว่าดังนี้:- พระตถาคตทั้งหลายผู้แกล้วกล้ามากย่อมทรงนำชนทั้งหลายไปด้วยพระสัทธรรมเมื่อชนทั้งหลายอันพระองค์ทรงนำไปอยู่โดยธรรม ผู้เข้าใจอย่างนี้จะริษยาทำไม...

ดังนั้น ผู้มีปัญญาย่อมรู้สิ่งที่ทิ้งว่าทิ้ง ย่อมรู้สิ่งที่ไม่ทิ้งว่าไม่ทิ้ง