เปรตได้บุญด้วยเหตุ 3 ประการ ในนี้ไม่มีกรวดน้ำ
- 1) ด้วยตนอนุโมทนา (เปรตยินดีรับเอาบุญ)
- 2) ด้วยทายกอุทิศให้ (ผู้ให้เอาบุญให้) ระวังนะ เทน้ำลงเฉยๆ แต่ไม่ได้ให้ บุญไม่ไปนะ แล้วถ้าให้ทานแล้วอุทิศบุญให้ทันที บุญไปทันที ทันกาล จะมายุ่งกับกรวดน้ำทำไม ใช่ไหม?
- 3) ด้วยการถึงพร้อมด้วยพระทักขิไทยบุคคล (ปฏิคาหกที่เราจะทำบุญด้วยเป็นทักขิไทยบุคคล)
...จริงอยู่ ทักษิณาย่อมบังเกิดผลแก่พวกเปรตในขณะนั้นด้วยองค์ ๓ ประการคือ ด้วยตนอนุโมทนา ๑ ด้วยทายกอุทิศให้ ด้วยการถึงพร้อมด้วยพระทักขิไทยบุคคล ๑...
ในอรรถกถา ท่านก็อธิบายวิธีการอุทิศบุญไว้อยู่แล้วว่า "อันทายกผู้อุทิศให้อย่างนี้ว่า ขอทานนี้แล จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายเถิด" ก็ไม่เห็นมีว่าให้ไปกรวดน้ำ
...บทว่า อมฺหากญฺจ กตา ปูชา ความว่า การบูชา เป็นอันทายกผู้อุทิศให้อย่างนี้ว่า ขอทานนี้แล จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายเถิด กระทำแก่พวกเรา และทายกเหล่านั้น ก็ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ไร้ผล เพราะให้ผลในสันดานเป็นที่บังเกิดแห่งกรรมอันสำเร็จด้วยการบริจาคนั้นนั่นแล....
พระเจ้าพิมพิสารก็ทรงอุทิศว่า "ขอทานนี้จงมีแก่พวกญาติของเรา" ก็แล้วแต่คนจะชอบพูดแบบไหน มันเป็นเรื่องของการคิดเอาให้ กล่าวเอาให้ มีจิตคิดจะให้
...พระราชาถวายน้ำทักษิโณทก ทรงอุทิศว่า ขอทานนี้จงมีแก่พวกญาติของเรา ทันใดนั้นเอง สระโบกขรณีดารดาษด้วยปทุม ก็บังเกิดแก่เปรตพวกนั้น...
เมื่อไม่มี จะเอามาเกี่ยวข้องโดยไม่จำเป็นทำไม ? ไม่เป็นการสอนกันให้รู้จักถึงการอุทิศบุญอย่างถูกต้อง ไม่เป็นไปในทางให้สัตว์โลกเข้าสู่ธรรม แต่เป็นไปในทางเหินห่างจากธรรม แต่ถ้าใครเข้าใจอยู่แล้วว่า การอุทิศบุญคืออะไร แต่ยังจำเป็นต้องได้เกี่ยวข้องกับพิธีการทางโลกอยู่ตามหน้าที่ อันนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะเข้าใจอยู่แล้ว แต่โดยหลักแล้ว ต้องสอนกันให้รู้จักอุทิศบุญให้ถูกต้อง
หมายเหตุ : ในข้อที่สาม ไม่ได้หมายความว่า ถ้าเป็นผู้อื่นที่มีศีลมีธรรมที่ดีอยู่ (แม้จะยังไม่ใช่ทักขิไทยบุคคลก็ตาม) จะไม่ได้ ไม่ใช่นะ ได้เหมือนกัน แต่ก็ได้น้อยกว่าทำกับทักขิไทยบุคคล เพียงแต่ว่า ในอรรถกถานี้ ท่านอธิยาบายเอาอันที่มันสุดเลย