เดรัจฉานวิชาคือวิชาขวางกฎจักรวาล
...บัดนี้ เราจักไม่ให้พระสมณโคดมนั้นไปฉันยังสถานที่นิมนต์ " ดังนี้ จึงปิดทางเป็นที่เสด็จไป นั่งเสวยน้ำจัณฑ์ในระหว่างทาง ลำดับนั้น เมื่อพระศาสดามีภิกษุสงฆ์ห้อมล้อมเสด็จมาที่นั้น พวกมหาดเล็กทูลท้าวเธอว่า " พระศาสดาเสด็จมาแล้ว" ท้าวเธอตรัสว่า " พวกเจ้าจงล่วงหน้าไปก่อน จงบอกพระสมณะนั้นว่า 'พระสมณโคดมองค์นี้ไม่เป็นใหญ่กว่าเรา เราจักไม่ให้ทางแก่พระสมณโคดมนั้น...
เดรัจฉานวิชา คือ ทำแล้วเป็นอกุศล ผิดทั้งพระทั้งโยมเลย เพราะเป็นศีล อกุศลไม่ได้แบ่งแยกว่า จะผิดแต่พระ โยมทำไม่ผิด ไม่ใช่นะ เพียงแต่ว่า พระจะบาปมากกว่า เพราะต้องอาบัติทุกกฏ แต่โยมไม่ได้ต้องอาบัติ มันต่างกันแค่นี้เอง แม้โยมจะไม่ต้องอาบัติ แต่ก็ขึ้นชื่อว่าไม่มีศีลโดยปกติ
แบบไหนจึงเรียกว่าเดรัจฉานวิชา ก็ต้องดูว่า กระทำแบบไหน เป็นอกุศลหรือไม่ เพราะเดรัจฉานวิชาคือวิชาขวางกฎจักรวาล เช่น แม้บทพยัญชนะจะบอกว่านอบน้อม แต่ถ้านอบน้อมพระพุทธเจ้าไม่ถูกต้อง เอาไปประกอบในทางอกุศล เป็นมิจฉาทิฏฐิ เช่น คำว่า "นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ" ถ้ากล่าวนอบน้อมพระพุทธเจ้าอย่างถูกต้อง ก็ยังเรียกว่าเป็นสัมมาทิฏฐิอยู่ แต่ถ้าเอาไปทำในทางอกุศล เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นเดรัจฉานวิชาเลย
...ความพิสดารว่า เด็กในพระนครราชคฤห์สองคน คือ " บุตรของบุคคลผู้เป็นสัมมาทิฏฐิคนหนึ่ง บุตรของบุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิคนหนึ่ง" เล่นขลุบอยู่ด้วยกันเนือง ๆ ในเด็กสองคนนั้น บุตรของบุคคลผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อจะทอดขลุบ ระลึกถึงพุทธานุสสติแล้วกล่าวว่า " นโมพุทฺธสฺส " แล้วจึงทอดขลุบ เด็กนอกนี้ระลึกเฉพาะพระคุณทั้งหลายของพวกเดียรถีย์แล้ว กล่าวว่า "นโม อรหนฺตานิ " แล้วจึงทอด ในเด็กสองคนนั้น บุตรของบุคคลผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ ย่อมชนะ เด็กคนนอกนี้ ย่อมแพ้ บุตรของบุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐินั้น เห็นกิริยาของบุตรผู้เป็นสัมมาทิฏฐินั้นแล้ว คิดว่า " เพื่อนคนนี้ ระลึกแล้วอย่างนั้น กล่าวแล้วอย่างนั้น ทอดขลุบไปจึงชนะเรา, แม้เราก็จักทำอย่างนั้น (บ้าง)"...
หมายเหตุ : ผู้อยู่ครองเรื่อนประกอบสัมมาอาชีพ ไม่เรียกว่าทำเดรัจฉานวิชา เพราะสัมมาอาชีพไม่เป็นบาป สัมมาอาชีพไม่ใช่เดรัจฉานวิชา แม้จะเป็นสัมมาอาชีพสำหรับโยม แต่ไม่ใช่สำหรับพระนะ พระบวชแล้วจะไปเรียนวิชาชีพทางโลกเขาไม่ได้ เช่น เรียนไอที เรียนบริหารธุรกิจ ผิดเลย ต้องอาบัติทุกกฏ