เงินทองเป็นของนอกกาย ตายไปก็เอาไปไม่ได้
ในภูมิอื่น เช่น เทวดา เงินไม่จำเป็น แต่จำเป็นในโลกมนุษย์ แต่ในโลกมนุษย์ เงินก็จำเป็นในบางยุค บางยุคก็ไม่จำเป็น เช่น ในครั้งต้นกัปก็ไม่มีเงิน แต่สัตว์ก็อยู่ได้ด้วยข้าวสาลี
และหลังสัตถันตรกัป ผู้คนที่รอดตาย ก็หันมาทำกุศล คือ งดเว้นปาณาติบาต ... ไม่ได้สนใจเงินทอง คนจะสนใจ จะแสวงหาต้นข้าวแทน
สมจริงดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
ทรัพย์เสมอด้วยข้าวเปลือกย่อมไม่มี
[๒๙] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ความรักเสมอด้วยตนไม่มี ทรัพย์เสมอด้วยข้าวเปลือกย่อมไม่มี แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาย่อมไม่มี ฝนต่างหากเป็นสระยอดเยี่ยม
ในยุคที่เงินมีความจำเป็น ก็ใช้จ่ายตามความจำเป็น อย่าให้เงินมามีโทษกับเรา อย่าให้เรามีโทษเพราะเงิน ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสเรียกทรัพย์ว่า อสรพิษ
...พระศาสดา ไม่ตรัสอะไร ๆ กับเขา เสด็จไปยังที่ ๆ ถุงบรรจุทรัพย์พันหนึ่งตก ทอดพระเนตรเห็นถุงนั้นแล้ว จึงตรัสกะพระอานนท์เถระว่า "อานนท์ เธอเห็นไหม อสรพิษ" พระอานนท์เถระ ทูลว่า "เห็น พระเจ้าข้า อสรพิษร้าย..."
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า บุญที่ตนทำเองเป็นมิตรติดตามไปถึงภพหน้า ไม่ใช่เงินที่ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ดังนั้นบุคคลผู้มีปัญญาจะเอาเงินมาแปลงสภาพให้เป็นบุญ และต้องแปลงให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพด้วย
...[๑๖๓] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่าพวกเกวียน พวกโคต่างเป็นมิตรของคนเดินทาง มารดาเป็นมิตรในเรือนของตน สหายเป็นมิตรของคนผู้มีธุระเกิดขึ้นเนืองๆ บุญที่ตนทำเองเป็นมิตรติดตามไปถึงภพหน้า...
อานิสงส์ของโภคทรัพย์ ๕ ประการ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในเพราะโภคทรัพย์ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน ? คือ เพราะอาศัยโภคทรัพย์ บุคคลจึงเลี้ยงตนให้เป็นสุขเอิบอิ่ม บริหารให้เป็นสุขได้โดยชอบ ๑ เลี้ยงมารดาบิดาให้เป็นสุข เอิบอิ่มบริหารให้เป็นสุขได้โดยชอบ ๑ เลี้ยงบุตรภรรยา คนใช้ คนงาน และบริวารให้เป็นสุข เอิบอิ่ม บริหารให้เป็นสุขได้โดยชอบ ๑ เลี้ยงมิตรและอำมาตย์ให้เป็นสุข เอิบอิ่ม บริหารให้เป็นสุขได้โดยชอบ ๑ ย่อมบำเพ็ญทักษิณาทานที่มีผลเลิศเป็นทางสวรรค์ มีสุขเป็นผล เป็นไปเพื่อสวรรค์ ในสมณพราหมณ์ทั้งหลาย ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในเพราะโภคทรัพย์ ๕ ประการนี้แล
กระทู้เกี่ยวข้อง :
#กุศลที่สามารถทำได้ในแต่ละวัน อย่าเอาแต่แผ่เมตตา แต่ขยันให้บุญด้วย (ปัตติทานมัย)
#ให้บุญแก่เทวดา เทวดาก็จะจัดการอารักขาด้วยดี