No Favorites

อย่าไปพูดว่า กูจะไม่คบกับมันตลอดไป

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า สัตว์คบกันโดยธาตุ ดีก็คบกับดี ชั่วก็คบกับชั่ว แล้วมันไม่ใช่ว่าใครจะชั่วไปตลอดและจะดีไปตลอด เห็นใครชั่วอยู่ก็อย่าไปพูดว่ากูจะไม่คบกับมันตลอดไป หรือ เห็นใครดีอยู่ก็อย่าไปพูดว่า จะคบกับเขาตลอดไป

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว แม้ในอดีตกาล . . . แม้ในอนาคตกาล . . . แม้ในปัจจุบันกาล สัตว์ทั้งหลายก็ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเที่ยว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว...

[๓๗๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี แม้ในอดีตกาล. . .แม้ในอนาคตกาล. . . แม้ในปัจจุบันกาล สัตว์ทั้งหลายก็ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันโดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี...

ถ้าคนชั่วคนนั้นกลับมาเป็นคนดี ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ถ้าดีอยู่แต่ก็ไม่ว่าเขาดี ก็ผิดอีก เพราะไม่เลื่อมใสในสิ่งที่ควร หรือ ถ้าคนนั้นดีอยู่แต่กลับไปเป็นคนชั่ว ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ถ้าชั่วอยู่แต่ก็ไปว่าเขาดี ก็ผิดอีก เพราะเลื่อมใสในสิ่งที่ไม่ควร

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสัตบุรุษผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ ย่อมบริหารคนให้ถูกกำจัด ให้ถูกทำลาย เขาย่อมเป็นไปกับด้วยโทษ ถูกผู้รู้ติเตียน ทั้งได้ประสบบาปเป็นอันมากอีกด้วย ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน คือ ไม่พิจารณาไตร่ตรองแล้ว เกิดเลื่อมใสในฐานะอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส ๑ ไม่พิจารณาไตร่ตรองแล้ว เกิดไม่เลื่อมใสในฐานะอันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลา อสัตบุรุษผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการนี้แล ย่อมบริหารคนให้ถูกกำจัด ถูกทำลาย เขาย่อมเป็นไปกับด้วยโทษ ถูกผู้รู้ติเตียน ทั้งได้ประสบบาปเป็นอันมากอีกด้วย

ถ้าผู้นั้นเคยทำผิดแต่แก้ไขตามธรรม สำรวมระวังต่อไป นี้เป็นวัฒนธรรมในวินัยของพระอริยะ

...ก็การที่บุคคลเห็นความผิดโดยเป็นความผิดจริง แล้วสารภาพตามเป็นจริง รับสังวรต่อไป นี้เป็นวัฒนธรรมในวินัยของพระอริยะแล...