อย่าจดรายชื่อญาติที่ล่วงลับให้พระอุทิศบุญ
ดูเรื่องพระเจ้าพิมพิสารให้ทานแล้วอุทิศให้แก่ญาติที่เป็นเปรต ให้แล้วอุทิศทันที ผู้ให้เป็นฝ่ายอุทิศ ไม่ใช่ผู้รับเป็นฝ่ายอุทิศ
- เริ่มแรก พระราชาถวายน้ำให้พระพุทธเจ้าก่อน (เพื่อให้พระพุทธเจ้าล้างมือ บ้วนปากก่อนฉันอาหาร) แล้วอุทิศบุญนี้ บุญที่ได้จากการถวายน้ำนี้ ให้แก่ญาติ จะเห็นได้ว่า ไม่เหมือนกับการกรวดน้ำในปัจจุบัน ที่กรวดลงเฉยๆ แต่นี้ คือให้น้ำเป็นทาน พระเจ้าพิมพิสารให้แล้วอุทิศทันที ไม่ใช่มากรวดน้ำทีหลัง ประเด็นในเรื่องนี้คือ ให้แล้วอุทิศทันที
- จากนั้น ถวายข้าวยาคู ของเคี้ยว ของกินเป็นต้นแล้วทรงอุทิศ
- จากนั้น ถวายผ้าและเสนาสนะเป็นต้น แล้วทรงอุทิศ
ในเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่า การให้ทานของพระเจ้าพิมพิสาร แก่พระพุทธเจ้านั้น ไม่มีการกรวดน้ำเลย แต่คือการให้น้ำเป็นทาน และ พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้สวดอะไรด้วย ไม่เหมือนอย่างที่ทำกันในปัจจุบัน แต่ก็มีคนเอาเรื่องที่พระเจ้าพิมพิสารให้ทาน ไปอ้างอิงโดยไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
พระราชาถวายน้ำทักษิโณทก ทรงอุทิศว่า ขอทานนี้จงมีแก่พวกญาติของเรา ทันใดนั้นเอง สระโบกขรณีดารดาษด้วยปทุม ก็บังเกิดแก่เปรตพวกนั้น เปรตพวกนั้นก็อาบและดื่มในสระโบกขรณีนั้น ระงับความกระวนกระวายความลำบากและหิวกระหายได้แล้ว มีผิวพรรณดุจทอง ลำดับนั้น พระราชาถวายข้าวยาคู ของเคี้ยว ของกินเป็นต้นแล้วทรงอุทิศ ในทันใดนั้นเอง ข้าวยาคูของเคี้ยวและของกินอันเป็นทิพย์ ก็บังเกิดแก่เปรตพวกนั้น เปรตพวกนั้น ก็พากินบริโภคของทิพย์เหล่านั้น มีอินทรีย์เอิบอิ่มลำดับนั้น พระราชาถวายผ้าและเสนาสนะเป็นต้น ทรงอุทิศให้เครื่องอลังการต่าง ๆ มีผ้าทิพย์ ยานทิพย์ ปราสาททิพย์ เครื่องปูลาดและที่นอนเป็นต้น ก็บังเกิดแก่เปรตพวกนั้น สมบัติแม้นั้นของเปรตพวกนั้น ปรากฏทุกอย่างโดยประการใด พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ทรงอธิษฐาน (ให้พระราชาทรงเห็น) โดยประการนั้น
แต่ระวัง ให้ทานแก่พระทุศีลแล้วอุทิศบุญให้เปรต แต่เปรต หรือญาติไม่ได้บุญ ควรให้แก่พระที่มีศีล มีธรรมอันดี