พุทธคุณไม่มีอยู่ในพระเครื่องแน่นอน
1) ต้องเป็นสิ่งที่มีชีวิต
คือต้องเป็นบุรุษ ไม่ใช่สิ่งที่ไม่มีชีวิต เช่น พระเครื่อง รูปปั้น รูปวาด รูปใดๆ
[๑๖๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่สตรีจะพึงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาสที่จะมีได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายแต่ข้อที่บุรุษจะพึงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นฐานะที่จะมีได้
2) ต้องมีขึ้นโดยธรรม
คือ ต้องสร้างบารมีเอาเอง ไม่ใช่ อยู่เฉยๆก็สั่งให้พุทธคุณไปอยู่ในวัตถุ มิใช่ฐานะที่จะมีได้ อย่าว่าแต่วัตถุเลย แม้จะสั่งให้พุทธคุณไปอยู่ในตัวใครก็ไม่ได้ เพราะมันต้องสร้างเอาเองเท่านั้น
พระองค์ตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าทั้งหลายควรนานโดยการกำหนดอย่างต่ำที่สุดถึงสี่อสงไขยและแสนกัป โดยกำหนดปานกลาง แปดอสงไขยและแสนกัป โดยการกำหนดอย่างสูง สิบหกอสงไขยและแสนกัป
เพราะความบริสุทธิ์และความไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน ผู้อื่นไม่พึงให้ผู้อื่นบริสุทธิ์ได้
...ความชั่วอันบุคคลกระทำด้วยตน บุคคลนั้นจักเศร้าหมองด้วยตนเอง ความชั่วอันบุคคลไม่กระทำด้วยตนบุคคลนั้นจะบริสุทธิ์ด้วยตนเอง ความบริสุทธิ์และความไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน ผู้อื่นไม่พึงให้ผู้อื่นบริสุทธิ์ได้...
หมายเหตุ ถ้าจะพูดในอีกนัยหนึ่ง แม้จะไม่มีตัวพระพุทธเจ้า (พระพุทธรูป) ก็ตาม แม้จะปรินิพพานไปแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ว่า พุทธะ จะไม่มี พุทธะ มีอยู่ทุกเมื่อ เพราะพุทธะ ไม่ใช่ตัวคน ไม่ใช่วัตถุ
[๕๗๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะพระตถาคตทั้งหลาย เกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ตาม ธาตุ คือสิ่งที่ทรงตัวเองอยู่ได้อันนั้น (ธัมมฐิตตา) ความตั้งอยู่โดยธรรมดาอันนั้น (ธัมมนิยามตา) ความแน่นอนโดยธรรมดาอันนั้น ตถาคตตรัสรู้บรรลุธาตุนั้นว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ครั้นได้ตรัสรู้แล้ว ได้หยั่งรู้แล้วจึงบอกแสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก ทำให้ตื้น ว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา...
แน่นอน ถ้าไปถามคนที่ระดับปัญญาเข้าใจได้แค่นั้น หรือเป็นบุคคลที่ได้ผลประโยชน์จากการขายวัตถุ เขาก็ย่อมพูดเข้าข้างเขาเอง เราก็อย่าไปรีดนมโคจากเขาโค เพราะมันไม่มี