No Favorites

พระไปไล่กดไลค์คอมเม้นต์ เป็นการประจบหวังลาภ

พระทำช่องเผยแผ่ธรรมะ ถ่ายวิดีโอเอง โพสต์เอง เวลาโยมมาแสดคอมเม้นต์ในวิดีโอของตน ก็ไปไล่กดไลค์คอมเม้นต์ เพื่อหวังให้โยมชอบใจ หวังให้โยมมาติดตาม ถ้าเป็นแบบนี้ เป็นการประจบหวังลาภ และคอมเม้นต์ไหนที่ตนไม่ชอบ ก็ไม่กดไลค์ หรือลบทิ้งไปเลยก็มี เป็นการบ่มตนเองให้มีจิตใจคับแคบ อคติเอาเปล่าๆ ไม่เข้ากับธรรมของพระพุทธเจ้า แล้วถ้าไปตอบโยมด้วยคำพูดที่ไม่ดี ที่เป็นทุกกฏ ก็ต้องอาบัติทุกกฏด้วย

ที่จริงเรื่องมีเดียควรเป็นงานของฆราวาส ตัวอย่างในพระไตรปิฎก ก็มีให้เทียบเคียง ดังเรื่องที่ พระเจ้าพาราณสีได้ส่งข่าวว่า พระรัตนตรัยเกิดขึ้นแล้วและให้จารึกการปฏิบัติของภิกษุรูปหนึ่งจนถึงพระอรหันต์ลงบนแผ่นทอง ส่งไปให้พระเจ้ากัฏฐวาหนะ

...ให้จารึกการปฏิบัติของภิกษุรูปหนึ่งตราบเท่าถึงพระอรหัตด้วยชาดสีแดงลงบนแผ่นทอง ใส่ลงในสมุกทำด้วยแก้ว ๗ ประการ ใส่สมุกนั้นลงในสมุกทำด้วยแก้วมณี ใส่สมุกทำด้วยแก้วมณีลงในสมุกแล้วตาแมว ใส่สุกแก้วตาแมว ลงในสมุกทับทิม ใส่สมุกทับทิมลงในสมุกทองคำ ใส่สมุกทองคำลงในสมุกเงิน ใส่สมุกเงินลงในสมุกงาช้าง ใส่สมุกงาช้างในสมุกไม้แก่น ใส่สมุกไม้แก่นลงในหีบ เอาผ้าพันหีบประทับตรา ทรงให้นำช้างเมามันตัวประเสริฐมีธงทองคำประดับด้วยทองคำ คลุมด้วยตาข่ายทองให้ตกแต่งบัลลังก์บนช้างนั้นแล้วยกหีบวางไว้บนบัลลังก์ กั้นเศวตฉัตร บูชาด้วยของหอมและดอกไม้ทุกชนิดขับเพลงสรรเสริญหนึ่งร้อย ด้วยกังสดาลทุกชนิดเคลื่อนไป ให้ตกแต่งทางจนถึงเขตรัชสีมาของพระองค์ แล้วทรงนำไปด้วยพระองค์เอง...

พระพุทธเจ้าให้รู้ว่าสิ่งไหนควร สิ่งไหนไม่ควร เพราะอาสวะทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลผู้ไม่รู้ว่าสิ่งไหนควร สิ่งไหนไม่ควร

...อาสวะทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลแม้อื่นอีก ๒ พวก คือ ผู้สำคัญในสิ่งไม่ควรว่าควร ๑ ผู้สำคัญในสิ่งที่ควรว่าไม่ควร ๑...

เล่นโซเชียลมีเดีย ทำให้พระต้องอาบัติหลายตัว เป็นแหล่งทำลายการสํารวมอินทรีย์