พระยุ่งกิจทางโลก ยุ่งเกี่ยวเงินบริจาค อาจดูดีในสายตาบางคน แต่พระนั้นปาราชิกแล้ว ใครจะรู้

จิตนี้เป็นธรรมชาติกลับกลอกเร็ว ถ้าตั้งจิตไว้ไม่ดีอยากได้เงิน ประกอบกายวาจา มันก็ครบองค์ประกอบปาราชิกแล้ว แค่บาทเดียวเอง ต้องได้ไม่ยาก พระที่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง เรื่องเงินบริจาคนั่นนี้ เมื่อมีความอยากได้เงินเป็นทุนอยู่แล้ว จะไม่ประกอบอาการโกงเลยหรือ ?

เช่น ถ้าวางแผนไว้ตั้งแต่แรก คิดไว้แล้ว ตั้งเจตนาไว้แล้วว่าจะเปิดรับบริจาคโดยอ้างจุดประสงค์อย่างหนึ่ง ถ้าได้เงินมาแล้ว จะเอามาเป็นของตนเองทั้งหมดก็ดีหรือบางส่วนก็ดี อันนี้ต้องปาราชิกตอนที่รับเงินเลยนะ ไม่ใช่ตอนเอาไปใช้จ่าย กรณีนี้ไม่ใช่นิสสัคคิยปาจิตตีย์ (เพราะรับเพื่อตนเอง) หรือ ทุกกฏ (เพราะรับเพื่อผู้อื่น) หรือ ปาจิตตีย์เพราะโกหก แต่ปาราชิกเพราะตั้งใจโกง หลอกลวงฉ้อเอา จิตไม่ดีประกอบกายวาจาสำเร็จแล้ว (จิตไม่ดีแล้วก็ไปพูดให้คนเอาเงินให้แล้วก็รับ)

แต่ถ้าไม่ได้วางแผน แต่มาเกิดอยากได้ทีหลัง ยักยอกเอาเงินนั้นทีหลัง อันนี้จึงจะเป็นปาราชิกตรงที่ยักยอกเอาทีหลัง

[๑๓๐] ๑. ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเห็นทรัพย์ในกลางวันแล้วได้ทำนิมิตไว้ด้วยหมายใจว่า จักลักในกลางคืน เธอเข้าใจทรัพย์นั้นแน่จึงลักทรัพย์นั้นมาแล้ว ได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว

ทุติยปาราชิกมีรายละเอียดเยอะ ฉะนั้น อย่าไปมองตื้นๆว่า พระรับเงินต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์เท่านั้น ที่พระพุทธเจ้าห้ามพระรับเงินนะถูกแล้ว และก็มีข่าวเยอะแยะให้เห็นเป็นตัวอย่างตามความเป็นจริง ถ้าทำตามที่พระพุทธเจ้าสอนปัญหาไม่มีหรอก

กระทู้เกี่ยวข้อง :  #หลักการรับบริจาคเพื่อสร้างบารมี คือรับมาพันล้านก็ต้องออกพันล้าน