No Favorites

พระยืมเงินโยมแต่ไม่คืนเป็นปาราชิกหรือไม่

ขึ้นอยู่กับรายละเอียด แต่มีข้อพิจารณาดังนี้

— พระยืมเงินโยมแต่ยังไม่คืน แต่ตั้งใจว่าจะคืน : ตราบใดที่ตั้งใจอยู่ว่าจะใช้คืน ไม่ได้คิดที่จะโกง ไม่เป็นปาราชิกอยู่ตลอดกาลที่ตั้งมั่นอยู่ว่าจะใช้คืน แม้ไม่มีเงินจ่ายก็ตาม เพราะยังไม่เป็นการตัดขาด และก็ไม่ได้สัญญาว่าจะคืนตอนไหน แม้โยมจะตัดขาดไปโดยการทอดธุระว่าจะไม่ได้ หรือโยมจะไปฟ้องศาลแล้วศาลจะตัดสินแบบไหนก็ตาม ก็ไม่เกี่ยว ตราบใดที่พระตั้งใจที่จะใช้คืน ไม่ได้คิดที่จะโกง ไม่เป็นปาราชิกอยู่ตราบนั้น มันขึ้นอยู่กับความตั้งใจของพระที่จะใช้คืน

...แต่ถ้าเจ้าของทอดธุระแล้วก็ตาม ภิกษุผู้ตู่ ไม่ทอดธุระ ยังความอุตสาหะในอันจะพึงให้คืนทีเดียว ด้วยคิดว่า เราจักบีบเจ้าของสวนนี้ให้หนักแล้วแสดงความแผ่อำนาจของเรา ตั้งเจ้าของสวนคนนั้นไว้ในความเป็นผู้รับใช้ แล้วจึงจักให้คืน ดังนี้ ยังรักษาอยู่ก่อน...

— พระยืมเงินโยมแต่จะไม่คืน :
พระว่าจะไม่คืน แต่ฝ่ายเจ้าของไม่ทอดธุระ ก็ยังสืบต่ออยู่

ถ้าแม้ภิกษุผู้ตู่ ครั้นแย่งชิงเอาแล้ว ก็ทอดธุระเสีย ด้วย* โยชนาปาฐะ ๑/๓๒๔ ว่า อกโต ธุรนิกฺเขโป เอเตนาติ อกตธุรนิกฺเขโป คิดว่า บัดนี้ เราจักไม่คืนสวนนั้นให้แก่เจ้าของคนนี้ ฝ่ายเจ้าของก็ไม่ทอดธุระเสีย ยังเที่ยวแสวงหาพรรคพวก ทั้งรอคอยเวลาอยู่ ด้วยคิดว่า เราได้ลัชชีบริษัทเสียก่อน ภายหลังจึงจักรู้ ดังนี้ ยังเป็นผู้มีความอุตสาหะในการรับคืนทีเดียว ก็ยังรักษาอยู่นั่นเทียว...

...ถ้าภิกษุนี้ ยังมีความอุตสาหะในอันให้อยู่ว่า เราจักทำให้เขาลำบาก แล้วจักให้ ยังรักษาอยู่ก่อน แม้ถ้าเธอไม่มีความอุตสาหะในอันให้ แต่เจ้าของภัณฑะยังมีความอุตสาหะในอันรับ ยังรักษาอยู่เหมือนกัน...

พระว่าจะไม่คืน ฝ่ายเจ้าของก็ทอดธุระไปว่าจะไม่ได้แล้ว เป็นปาราชิก

[๑๐๙] ที่ชื่อว่า ทรัพย์ที่เขาฝากไว้ ได้แก่ทรัพย์ที่ผู้อื่นให้เก็บไว้ ภิกษุรับของฝาก เมื่อเจ้าของกล่าวขอคืนว่า จงคืนทรัพย์ให้ข้าพเจ้า กล่าวปฏิเสธว่า ฉันไม่ได้รับไว้ ต้องอาบัติทุกกฏ ยังความสงสัยให้เกิดแก่เจ้าของ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เจ้าของทอดธุระว่าจะไม่ให้แก่เรา ต้องอาบัติปาราชิก

แต่เมื่อใด แม้ภิกษุผู้ตู่นั้นทอดธุระเสีย ด้วยคิดว่า เราจักไม่คืนให้ ทั้งเจ้าของก็ทอดธุระเสียด้วยคิดว่า เราจักไม่ได้คืน ทั้งสองฝ่ายทอดธุระเสียดังกล่าวมานี้ เมื่อนั้น ภิกษุผู้ตู่ เป็นปาราชิก

— แต่มีอีกกรณีที่เป็นการยืนยันว่าโกงหลอกลวงฉ้อเอาเด็ดขาด : อันนี้ เป็นปาราชิกตรงที่ยืนยันว่าโกงเด็ดขาด ไม่เกี่ยวกับข้ออื่นเลย เพราะเป็นการตัดขาดเด็ดขาดแล้ว มีกรณีเทียบเคียงดังนี้

ภิกษุมีไถยจิตคิดจะลักทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในวัด ยกสิ่งของนั้นขึ้นให้พ้นจากพื้น เป็นปาราชิกตรงที่ยกขึ้นให้พ้นจากพื้น แม้จะเปลี่ยนใจทีหลังว่าไม่เอาแล้ว เอากลับไปวางไว้ที่เดิมก็ตาม จะชดใช้คืนพันเท่าก็ตาม ไม่เกี่ยว เพราะมันต้องไปแล้ว เช่นเดียวกันกับพระที่ยืมเงิน ตั้งใจว่ายังไงก็จะไม่ให้ เป็นการโกงเด็ดขาดแล้ว แม้พระรูปนั้นจะเปลี่ยนใจทีหลังว่าจะคืนให้ก็ตาม ไม่เกี่ยว เพราะต้องไปแล้ว

ภิกษุมีไถยจิตคิดจะลักทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในวัด เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ดี เดินไปก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ ลูบคลำ ต้องอาบัติทุกกฏ ทำให้ไหว ต้องอาบัติถุลลัจจัย ให้เคลื่อนจากฐาน ต้องอาบัติปาราชิก

ไม่ใช่จะไปคิดแต่ว่า พระรับเงินต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แล้วจบ แต่มันยังมีความเสี่ยงอีกมากที่จะทำให้พระต้องทุติยปาราชิกเอาได้ง่ายๆเลย ถ้าพระไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงินทองแล้วทำไม่ถูกต้อง เพราะมันไม่ใช่ว่าจะมีแต่ประเด็นเรื่องยืมเงินเท่านั้น แต่ยังมีประเด็นอื่นอีกมากมาย ที่เป็นการยักยอกเอา ฉ้อเอา ก็ล้วนแต่ปาราชิกทั้งนั้น พระไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง