พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามพระขับรถจริงหรือ ?
ถ้าพระฉัพพัคคีย์เข้าใจพระบัญญัติแรกที่ห้ามเรียน จะเข้าใจทะลุไปเลยว่า เรียนก็ไม่ได้ สอนก็ไม่ได้ ทำก็ไม่ได้ แต่พระฉัพพัคคีย์ไม่เข้าใจ จึงทำให้พระองค์ต้องเหนื่อยบัญญัติหลายครั้ง ที่จริงแล้วถ้าผู้นั้นรู้เรื่องศีล จะรู้เอาเองว่า อันไหนควร ไม่ควร ไม่ต้องให้พระพุทธเจ้าเหนื่อยบัญญัติแม้แต่เพียงข้อเดียว อย่างเช่น ในยุคพระพุทธเจ้าวิปัสสี ไม่บัญญัติวินัยเลย เพราะพระในยุคนั้นไม่ได้ทำผิด อันนี้ คือ คนรู้เรื่อง ไม่บอก ก็เข้าใจ
...[พระวิปัสสีเป็นต้นหาได้ทรงบัญญัติสิกขาบทเป็นต้นไม่] หลายบทว่า อปฺปญฺญตฺตํ สาวกานํ สิกฺขาปทํ ความว่า สิกขาบท คือข้อบังคับด้วยอำนาจอาบัติ ๗ กอง ที่ควรทรงบัญญัติ โดยสมควรแก่โทษอันพระพุทธเจ้ามีพระวิปัสสีเป็นต้นเหล่านั้น ไม่ได้ทรงบัญญัติไว้ แก่พระสาวกทั้งหลาย เพราะเป็นผู้ไม่มีโทษ...
ไม่เหมือนในยุคนี้ สัตว์โลกอยู่ในยุคขาเสื่อมลง บัญญัติข้อเดียวยังไม่เข้าใจ เช่น บัญญัติห้ามเรียนยังไม่เข้าใจ ยังให้บัญญัติอีกว่าห้ามสอน แม้บัญญัติว่าห้ามสอน แต่มันจะมีคนแย้งอีกว่า ไม่ได้ห้ามทำ เพราะเขาไม่เข้าใจเนื้อความที่ว่า แม้แต่ เรียน และ สอน ยังไม่ได้เลย ไปทำมันจะได้ที่ไหน ฉะนั้น สัตว์โลกในยุคนี้มักจะตีความให้เข้ากับความเสื่อมของตนเอง จะไม่ตรงต่อพระวินัย
ถ้าเอากรณีข้างต้นนี้มาเทียบกับกรณีไปด้วยยาน จะเห็นได้ว่า ทั้งห้ามขี่เป็นผู้โดยสาร ทั้งห้ามขับเองด้วย ทั้งห้ามรับยานด้วย คือ ขี่ ตัวก็นั่งอยู่ในรถ ขับตัวก็นั่งอยู่ในรถ จะขับโดยที่ตัวไม่ได้นั่งอยู่ในรถมีด้วยหรือ ? ขับมันก็คือได้ขี่ด้วย ก็คือไปด้วยยานทั้งนั้น ขับไม่เรียกว่าไปด้วยยานหรือ ? เพราะที่ปรับอาบัติ ก็เพราะพระขึ้นไปขี่รถ มันไม่ได้เกี่ยวว่า พระจะขับหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวว่า ขับหรือไม่ขับแล้วไม่ต้องอาบัติ เขาคงลืมไปว่า ที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะขี่เป็นผู้โดยสาร หรือ ขับเอง ตัวเขาเองก็นั่งอยู่ในรถเหมือนกันนั่นแหละ ดังนั้น จึงห้ามทั้งขี่ ทั้งขับเอง ทั้งห้ามรับด้วย