พระพุทธเจ้าทรงรับสั่งให้ทำลายกุฎีที่เป็นอกัปปิยะ ถ้าไปสร้างรูปปั้นในครั้งนั้น เชื่อว่าพระองค์ก็ต้องสั่งทำลายแน่นอน
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จลงจากภูเขาคิชฌกูฏพร้อมด้วยภิกษุเป็นอันมาก ทอดพระเนตรเห็นกุฎีนั้นงดงามน่าดูน่าชมมีสีแดง ครั้งแล้วจึงตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นั่นอะไร งดงาม น่าดูน่าชม มีสีแดงเหมือนแมลงค่อมทอง ครั้นภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว พระพุทธองค์ทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การกระทำของโมฆบุรุษนั้น ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร มิใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ไฉนโมฆบุรุษนั้นจึงได้ขยำโคลนทำกุฎีสำเร็จด้วยดินล้วน ด้วยตนเองเล่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเอ็นดู ความอนุเคราะห์ ความไม่เบียดเบียนหมู่สัตว์มิได้มีแก่โมฆบุรุษนั้นเลย พวกเธอจงไปทำลายกุฎีนั้น พวกเพื่อนพรหมจารีชั้นหลัง อย่าถึงความเบียดเบียนหมู่สัตว์เลย อันภิกษุไม่ควรทำกุฎีที่สำเร็จด้วยดินล้วน ภิกษุใดทำ ต้องอาบัติทุกกฎ ภิกษุเหล่านั้นรับพระพุทธาณัติแล้ว พากันไปที่กุฎีนั้น ครั้นถึงแล้วได้ทำลายกุฎีนั้นเสีย ท่านพระธนิยะ กุมภการบุตร จึงถามภิกษุเหล่านั้นว่าอาวุโส พวกท่านทำลายกุฎีของผม เพื่ออะไร
ภิ. พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้ทำลาย ขอรับ
ธ. ทำลายเถิด ขอรับ ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ธรรมสามีรับสั่งให้ทำลาย
พระพุทธเจ้าห้ามปั้นรูปพระองค์ ถ้าในครั้งนั้นมีภิกษุปั้น เชื่อว่าพระองค์ก็ต้องสั่งทำลายแน่นอน แต่ก็ไม่มีหลักฐานในพระไตรปิฎกว่า มีใครปั้นในครั้งพุทธกาล ไม่เหมือนในปัจจุบันนี้ ที่พากันปั้นแล้วก็ขาย