บรรพชิตควรเน้น ศีล ไม่ใช่ ทาน (ทาน ศีล ภาวนา vs. ศีล สมาธิ ปัญญา)

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ภิกษุไม่มีศีลเปรียบเหมือนพระราชาไม่ได้มูรธาภิเษก นั้นก็หมายความว่า ผู้ที่ได้รับการอภิเษกแล้ว จึงจะเรียกว่าเป็นกษัตริย์ เหมือนกับพระ มีศีลจึงเรียกว่าเป็นพระ ศีล จึงเป็นตัวบ่งบอกความเป็นสมณะ และเป็นข้อปฏิบัติพื้นฐานของพระ ไม่ใช่ ทาน

...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน จะอยู่ ณ ทิศใด ๆ ก็เป็นผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วเทียว ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศีล ฯลฯ สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย เหมือนพระราชาผู้กษัตริย์ได้มูรธาภิเษกแล้ว ทรงสมบูรณ์ด้วยพระชาติฉะนั้น...

คฤหัสถ์เป็นผู้ให้ทานอยู่แล้ว เพราะคฤหัสถ์เป็นผู้มีโภคทรัพย์ และพระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่า คฤหัสถ์เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุทั้งหลาย บำรุงภิกษุทั้งหลายด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร (ทาน ศีล ภาวนา)

..[๒๘๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายเป็นผู้มีอุปการะมากแก่เธอทั้งหลาย บำรุงเธอทั้งหลายด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร แม้เธอทั้งลายก็จงเป็นผู้มีอุปการะมากแก่พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย จงแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น...

ส่วนพระขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ไม่มีทรัพย์สมบัติ จะเอาทรัพย์จากไหนไปแจก ไปให้ทาน ถ้าไปแสวงหาและแจกสิ่งของโดยไม่ถูกต้อง ก็ผิดพระวินัย ฉะนั้น ข้อปฏิบัติของพระ คือ ศีล (ศีล สมาธิ ปัญญา)

กระทู้เกี่ยวข้อง :  #ศีลไม่ได้มีหลังพระพุทธเจ้าบัญญัติขึ้น