No Favorites

น้ำมนต์ในมหาศีลหมายเอาเฉพาะน้ำมนต์พราหมณ์จริงหรือ ?

ที่ว่า น้ำมนต์ในมหาศีลหมายเอาเฉพาะน้ำมนต์พราหมณ์ ไม่มีในพุทธพจน์ เป็นเพียงแต่ความเข้าใจของบางคนที่ตีความหมายเพื่อไม่ให้ไปขัดกับอรรถกถารัตนสูตร เพราะถ้ายึดเอาพุทธพจน์เป็นที่ตั้ง ก็ต้องดูว่าคำของผู้อื่นมาขัดแย้งหรือไม่ขัดแย้งกับพุทธพจน์ในข้อนี้และข้ออื่นยังไง ไม่ใช่ว่ามุ่งแต่จะตีความพุทธพจน์ให้เป็นอื่น เพราะพระพุทธเจ้าท่านให้เทียบมาใส่คำของท่าน ท่านไม่ให้ไปยึดเอาคำของผู้อื่นถ้าขัดแย้งกับคำของท่าน

...[๑๑๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ข้อนี้ข้าพเจ้าได้สดับมา ได้รับมาเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา พวกเธอไม่พึงชื่นชม ไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของภิกษุนั้น ครั้นไม่ชื่นชม ไม่คัดค้านแล้ว พึงเรียนบทพยัญชนะเหล่านั้นให้ดีแล้ว สอบสวนในพระสูตรเทียบเคียงในพระวินัย ถ้าสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย ลงในพระสูตรไม่ได้ เทียบเคียงในพระวินัยไม่ได้ พึงถึงความตกลงใจในข้อนี้ว่านี้ไม่ใช่คำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น และภิกษุนี้จำมาผิดแล้วแน่นอน ดังนั้น พวกเธอพึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย...

ถ้าหมายถึงน้ำมนต์พราหมณ์เท่านั้น งั้น น้ำมนต์นอกนี้ ใครทำอยู่ในซีกโลกไหน ก็จะว่าไม่ผิด ผิดแต่น้ำมนต์พราหมณ์เท่านั้น ซึ่งไมสอดคล้อง เพราะธรรมชาตินี้ไม่ได้แบ่งแยกแบบนั้น และก็ไม่ใช่วินัยที่ทรงตรัสไว้เฉพาะด้วย จะผิดเฉพาะแต่น้ำมนต์พราหมณ์ ไม่ใช่ เพราะมันไม่ใช่ว่ามีแต่พราหมณ์ มีแต่ประเทศอินเดียเท่านั้น ที่เอาน้ำมาประกอบพิธีกรรม

...ทำพิธีปลูกเรือนทำพิธีบวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน...

ฉะนั้น น้ำมนต์ในมหาศีล จึงไม่ได้หมายเอาเฉพาะน้ำมนต์พราหมณ์เท่านั้น และเมื่อเทียบกับข้ออื่นๆแล้ว ไม่พบว่าพระพุทเจ้าให้สวดพระปริตรโดยมีน้ำประกอบ เช่น...

  • ในเรื่องอายุวัฒนกุมาร ที่พระองค์เองเป็นผู้ตรัสบอกอุบายเครื่องป้องกัน ก็ไม่ได้ตรัสถึงเรื่องการเอาน้ำมาประกอบ
  • ในอรรถกถาอาฏานาฏิยสูตร ที่อธิบายวิธีการทำพระปริต ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องการเอาน้ำมาประกอบ นอกจากนี้ในพระปริตรอื่นๆ ก็ไม่มีพูดถึงเรื่องเอาน้ำมาประกอบ
  • การกล่าวพระปริตร คือ กล่าวเป็นภาษาออกไป ให้เข้าใจ ถ้าเป็นเรื่องการแสดงธรรม เรื่องการสวดพระปริตร ท่านให้กล่าวในภาษาที่เข้าใจ เพื่อให้เข้าใจ ไม่มีว่าให้เอาน้ำมาประกอบ อีกอย่าง การกล่าวพระปริตรเพื่อลาภย่อมไม่สำเร็จประโยชน์ ฉะนั้น การกล่าวพระปริตร จึงไม่ใช่เรื่องของการเอาน้ำมาประกอบ แต่สิ่งที่ควรประกอบใส่ก็คือ คุณของผู้ที่สวดนั้นเอง เห็นถูก กล่าวถูก ทำถูก จึงจะมีอานุภาพมาก
  • อีกอย่าง พระตถาคต ก็ไม่ได้สอนให้ยินดีในธาตุ 4 ไม่ได้สอนให้ยึดในธาตุเหล่านี้ว่าเป็นมงคล เมื่อไม่ได้สอนแบบนี้ ท่านจะบอกให้เอาน้ำ ไปประกอบใส่กับเรื่องการสวดพระปริตร ที่เป็นเรื่องของการกล่าวทางวาจา ประกอบคุณที่มีอยู่ในตน กล่าวออกไปให้เข้าใจ มันไม่ใช่หรอก แต่ถ้าเอาน้ำมาทำประโยชน์ เอามาดื่ม เอามาใช้ แบบนี้มีอยู่
  • เรื่องพระพุทธเจ้า, โสดาบันชื่อ ปุณณา สอนลัทธิถือความบริสุทธิ์ด้วยน้ำ ก็เอามาเทียบได้