No Favorites

ชาติหน้ามีจริงไหม ตายไปไม่เห็นมีใครมาบอก ?

ชาติหน้ามีจริงไหม ? มีจริง ในมิจฉาทิฏฐิ ๑๐ ก็ได้กล่าวไว้ ถ้าไปมีความเห็นว่าไม่มี ก็เป็นผู้ที่มีมิจฉาทิฏฐิ

[๒๕๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็มิจฉาทิฏฐิเป็นไฉน ? คือ ความเห็นดังนี้ว่า ทานที่ให้แล้ว ไม่มีผล ๑ ยัญที่บูชาแล้ว ไม่มีผล ๑ สังเวยที่บวงสรวงแล้ว ไม่มีผล ๑ ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้วไม่มี ๑ โลกนี้ไม่มี ๑ โลกหน้าไม่มี ๑ มารดาไม่มี (คุณ) ๑ บิดาไม่มี(คุณ) ๑ สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะไม่มี สมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้ดำเนินไปชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลกไม่มี ๑ นี้มิจฉาทิฏฐิ

ตายไปไม่เห็นมีใครมาบอก ? มีอยู่ เช่น อนาถบิณฑิกคฤหบดีตายแล้วเป็นเทพบุตรชั้นดุสิต มาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ (แต่ไม่ได้มาบอกว่าตาย) คือมากราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถา กล่าวสรรเสริญพระสารีบุตร

[๗๓๘] ต่อนั้น อนาถบิณฑิกคฤหบดีเมื่อท่านพระสารีบุตรและท่านพระอานนท์หลีกไปแล้วไม่นาน ก็ได้ทำกาลกิริยาเข้าถึงชั้นดุสิตแล ครั้งนั้นล่วงปฐมยามไปแล้ว อนาถบิณฑิกเทพบุตรมีรัศมีงามส่องพระวิหารเชตวัน ให้สว่างทั่ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ายังที่ประทับ...

แต่ผู้ที่ไม่เห็นเหมือนพระพุทธเจ้า จะเอาตนเองเป็นที่ตั้งแล้วตัดสินว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีไม่ได้ เพราะผู้เห็นมีอยู่ พระพุทธองค์ ทรงเปรียบพวกเดียรถีย์ เหมือนคนตาบอดคลำช้าง

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกเป็นคนตาบอด ไม่มีจักษุ ย่อมไม่รู้จักประโยชน์ ไม่รู้จักความฉิบหายใช่ประโยชน์ ไม่รู้จักธรรม ไม่รู้จักสภาพมิใช่ธรรม เมื่อไม่รู้จักประโยชน์ไม่รู้จักความฉิบหายใช่ประโยชน์ ไม่รู้จักธรรม ไม่รู้จักสภาพมิใช่ธรรมมีบาดหมางกัน ทะเลาะกัน วิวาทกัน ทิ่มแทงกันและกันด้วยหอกคือปากว่า ธรรมเป็นเช่นนี้ ธรรมไม่เป็นเช่นนี้ ธรรมไม่เป็นเช่นนี้ ธรรมเป็นเช่นนี้

ถ้าจะเอาความไม่เห็นมาเป็นประเด็น งั้นอวัยวะเพศของแมลงตัวเล็กๆก็มองไม่เห็นด้วยตา แต่มันก็มีอยู่ล่ะ? คนตาบอดมองไม่เห็นพระพระอาทิตย์ แต่ก็ได้รับความร้อนอยู่ล่ะ? ไปฆ่าคนตายโดยคิดว่าไม่ผิด เพียงเพราะตนเองมองไม่เห็นกฎหมายข้อนี้ล่ะ?

ถ้าจะไม่เชื่อว่าภพหน้ามี เพราะไม่ได้ถือพุทธ อันนี้ก็แล้วแต่ แต่ถ้าถือพุทธอยู่ แต่ไม่มีศรัทธาเชื่ออะไรเลย เช่น ถือพุทธ แต่ก็ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีอยู่จริง เพียงเพราะตนเองมองไม่เห็น งงอยู่นะ ถือแบบนี้

ถ้าเอียงไปในข้อที่ไม่เชื่อเลย เพราะตนเองมองไม่เห็น อันนี้ก็ขัดกับหลักกาลามสูตร เพราะไม่ควรเชื่อว่าไม่มี เพียงเพราะมองไม่เห็น (อย่าได้ไม่เชื่อ เพียงเพราะตนเองมองไม่เห็น) เอาหลักกาลามสูตรมาเทียบเคียงได้เลย ...อย่าได้ถือโดยเหตุนึกเดาเอา อย่าได้ถือโดยนัยคือคาดคะเน... อย่าได้ถือโดยชอบใจว่า ตรงกับลัทธิของตน...