ฉันหนเดียวหมายถึงกาล หรือ จำนวนของการฉัน ?
เนื่อจากมีอรรถกถาอธิบายว่าแม้จะฉันสัก 10 ครั้ง ในเวลาภายในเที่ยงวัน ก็เป็นผู้ชื่อว่าฉันหนเดียว จึงมีการตีความว่า หมายถึงกาล ไม่ใช่จำนวนของการฉัน ที่จริง ไม่ใช่กาล แต่หมายถึงจำนวนของการฉัน โดยพิจารณาดูว่า พระพุทธเจ้าฉันกี่ครั้ง และ ใช้คำบัญญัติสิกขาบทว่าอย่างไร
กระทู้เกี่ยวข้อง :
#พระพุทธเจ้าให้ใช้ความพิจารณา ไม่ใช่ว่าที่มีอยู่ในตำรานั้นให้เอาหมด (ตัวอย่าง อรรถกถาที่เห็นว่าขัดกับพุทธพจน์)
#พระพุทธเจ้าฉันแค่หนึ่งครั้ง (One Time)
#พระพุทธเจ้าไม่ได้ไปนั่งรอเขาทำอาหาร ทำภัตหารเสร็จแล้ว เขาจะให้คนไปกราบทูลภัตกาลแด่พระผู้มีพระภาค
- (1) พระพุทธเจ้าฉันกี่ครั้ง : ต้องดูว่าพระพุทธเจ้าฉันมากกว่าหนึ่งครั้งหรือไม่ แล้วก็เอามาเป็นฐาน แต่เท่าที่ค้นข้อมูลในพระไตรปิฎก ไม่พบว่า พระพุทธเจ้าฉันมากกว่าหนึ่งครั้ง ท่านตรัสว่าท่านฉันแค่หนึ่ง และก็ไม่พบข้อมูลว่าท่านฉันมากกว่าหนึ่ง คำตอบก็มีอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพราะเมื่อฉันแค่หนึ่ง ก็ต้องหมายถึงจำนวน ไม่ใช่กาล ดังนั้น ที่ว่าหมายถึงกาลนั้น ก็ต้องขัดกับพุทธพจน์
- (2) ใช้คำบัญญัติสิกขาบทอย่างไร : สิกขาบทที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติเกี่ยวกับการฉันอาหารนั้น ไม่ว่าจะเป็น ปรัมปรโภชนสิกขาบท ("เป็นปาจิตตีย์ เพราะโภชนะทีหลัง" ) ปฐมปวารณาสิกขาบท ("อนึ่ง ภิกษุใดฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว เคี้ยวก็ดีฉันก็ดี ซึ่งของเคี้ยวก็ดี ซึ่งของฉันก็ดี เป็นปาจิตตีย์" ) ก็ล้วนแต่ชี้ไปในทิศทางเดียวกันหมดเลยว่าไม่เกินหนึ่งครั้ง ชึ่งก็หมายถึงจำนวนของการฉัน พระพุทธเจ้าไม่ได้พูดถึงกาลเลยในสิกขาบทเหล่านี้ ดังนั้น ที่ว่ามุ่งถึงกาลนั้น จึงขัดกับพุทธพจน์
- ในอนุบัญญัติที่อนุญาตฉันเกินหนึ่งครั้งได้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ชึ่งกรณีที่จำเป็นนั้นไม่ใช่เรื่องปกติ จะจับเอาอรรถกถานี้ มาใส่อนุบัญญัติ แล้วตีความว่าฉันเกินหนึ่งครั้งได้เป็นปกติแบบนี้ ขัดกับพุทธพจน์ ถ้าจับเอามาใส่กันแบบนี้ได้ ก็ต้องถามไปว่า แล้วพระบัญญัติหลักชึ่งใหญ่กว่าอนุบัญญัติล่ะ ? ลองเอาอรรถกถานี้ไปเทียบใส่พระบัญญัติหลัก (ที่พูดถึงจำนวนของการฉันว่าไม่เกินหนึ่งครั้ง) ดูว่าจะเข้ากันได้ไหม ? แล้วเอาอรรถกถานี้ไปเทียบใส่กรณีที่พระพุทธเจ้าฉันแค่หนึ่งดูว่าจะเข้ากันได้ไหม ? ถ้าการฉันมากว่าหนึ่งครั้งเป็นเรื่องปกติ สิกขาบทที่ว่ามานี้ จะไม่มีความหมายเลย