ความตายเหมือนงูลอกคราบ
บุตรของข้าพเจ้าละทิ้งร่างกายของตนไป ดุจงูละทิ้งคราบเก่าไปฉะนั้น เมื่อร่างกายแห่งบุตรของข้าพเจ้าใช้อะไรไม่ได้ กระทำกาละไปแล้วอย่างนี้ บุตรข้าพเจ้าถูกเผาอยู่ ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่เศร้าโศกถึงเขา คติของตนมีอย่างใด เขาก็ย่อมไปสู่คติของตนอย่างนั้น
การเปลียนภพภูมิ หรือ การวนเวียนอยู่ในวัฏฏะสงสาร เปรียบเหมือนการ ทิ้งกายนี้และยึดมั่นกายอื่น
...ดูก่อนสารีบุตร บุคคลใดแล ทิ้งกายนี้และยึดมั่นกายอื่นบุคคลนั้นเราเรียกว่า ควรถูกตำหนิ ฉันนภิกษุหามีลักษณะนั้นไม่ ฉันนภิกษุหาศาสตรามาฆ่าตัวอย่างไม่ควรถูกตำหนิ
หลังอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ จะไม่มี วิญญาณหรือปฏิสนธิจิต ไปเกิดอีก ในพระสูตรนี้ มารแสวงหา วิญญาณหรือปฏิสนธิจิต ของโคธิกกุลบุตร แต่ไม่เจอ เพราะโคธิกกุลบุตรปรินิพพานแล้ว
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่าก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเห็นไหม ควันหรือหมอกนั้นพลุ่งไปสู่ทิศตะวันออกทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศเบื้องบน ทิศเบื้องต่ำ และอนุทิศ เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลรับพระดำรัสแล้วจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นั่นมารผู้มีบาป เที่ยวแสวงหาวิญญาณ ของโคธิกกุลบุตร ด้วยคิดว่า วิญญาณของโคธิกกุลบุตรตั้งอยู่ ณ ที่ไหน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โคธิกกุลบุตร มีวิญญาณอันไม่ตั้งอยู่แล้ว ปรินิพพานแล้ว