การจะรู้ธรรมต้องเป็นปัจจัยฝ่ายผู้รับด้วย
และต้องเข้าใจธรรมชาติด้วยว่าอยู่ในฐานะที่เป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ เช่น ทุกคนจะต้องตาย ไม่ใช่ไปพูดว่า ถ้าเก่งจริง ทำให้คนไม่ตายได้ไหม พระพุทธเจ้าไม่สามารถทำให้ทุกคนที่ไม่รู้ ให้รู้ได้ ไม่ใช่เป็นเพราะไม่มีความรู้ แต่เป็นเพราะไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นไปได้ของธรรมชาติ แต่ถ้าผู้รับ สร้างมาเต็มเอง แล้วผู้สอนแนะนำหนทางให้ อันนี้ เป็นฐานะที่จะเป็นไปได้ของหลักธรมมชาติ
ดูก่อนพราหมณ์ ข้อนี้ก็ฉันนั้น นิพพานก็ตั้งอยู่หนทางไปนิพพานก็ตั้งอยู่ เราผู้ชักชวนก็ตั้งอยู่ ก็เมื่อเป็นดังนั้น สาวกทั้งหลายของเรา ผู้อันเราสั่งสอนอยู่อย่างนี้พร่ำสอนอยู่อย่างนี้ บางพวกก็บรรลุถึงนิพพาน อันจบสิ้นโดยส่วนเดียว บางพวกก็ไม่บรรลุ ดูก่อนพราหมณ์ในเรื่องนี้เราจะทำอย่างไรได้ ดูก่อนพราหมณ์ พระตถาคตเป็นเพียงผู้บอกหนทาง พระพุทธเจ้าย่อมบอกหนทางสัตว์ทั้งหลายผู้ปฏิบัติอยู่ด้วยตนเอง จึงจะพึงหลุดพ้นได้เพราะฉะนั้น จึงถือว่า และไม่ยังบุคคลอื่นให้หลุดพ้นแม้ด้วยประการอย่างนี้ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า สัตว์เหล่านั้นเป็นผู้หลุดพ้นได้ยาก และไม่ยังบุคคลอื่นให้หลุดพ้น
เพราะความบริสุทธิ์และความไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน ผู้อื่นไม่พึงให้ผู้อื่นบริสุทธิ์ได้
ผู้ที่จะรู้ธรรมของพระพุทธเจ้า ต้องเป็นผู้มีปัญญา เป็นบัณฑิต ไม่บ้าน้ำลาย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรมทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน ? คือ ไม่เป็นผู้ฆ่ามารดา ๑ ไม่เป็นผู้ฆ่าบิดา ๑ ไม่เป็นผู้ฆ่าพระอรหันต์ ๑ ไม่เป็นผู้ยังพระโลหิตของพระตถาคตให้ห้อขึ้นด้วยจิตประทุษร้าย ๑ ไม่ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน ๑ และ มีปัญญา ไม่ใบ้ไม่บ้าน้ำลาย ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ควรเพื่อก้าวลงสู่ความแน่นอน ความเป็นชอบ ในกุศลธรรมทั้งหลาย